ในการบริหารธุรกิจนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีก็คือข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการขาย การเงิน หรือกำลังคน ยิ่งมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากเท่าไหร่ ก็ทำให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะข้อมูลการเงินที่เป็นเหมือนหัวใจของการบริหารธุรกิจ หากผู้ประกอบการนำไปใช้บริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะสามารถช่วงชิงความได้เปรียบในการแข่งขันได้เรามาดู 4 เรื่องทางการเงินที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จกัน
1. เก็บข้อมูลให้เป็นระบบ การจะมีข้อมูลคุณภาพดีมาไว้ใช้ต้องเริ่มจากมีการวางรูปแบบการจัดเก็บที่ดี สำหรับการจัดเก็บข้อมูลทางการเงินที่ดีก็คือ การมีระบบบัญชีที่ถูกต้อง มีระบบระเบียบในการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลต่างๆ อย่างมีมาตรฐาน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องภาษีและการตรวจสอบย้อนหลังแล้ว ยังป้องกันการทุจริตได้ และช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งองค์กร เพราะทั้งเจ้าของและพนักงานทุกคนเห็นข้อมูลตัวเดียวกันนั่นเอง
2. อ่านงบให้เป็น ข้อนี้สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยงบการเงินที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรรู้จักได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด เพราะตัวเลขต่างๆ ในงบการเงินนั้นสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการและผลการดำเนินงานของธุรกิจได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรอ่านงบให้เป็น อย่างน้อยต้องดูกระแสเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจ รู้สภาพคล่อง หาอัตราส่วนกำไรต่อยอดขายให้เป็น
3. มีคนดูแลเฉพาะทาง ผู้ประกอบการบางคนคิดว่าเรื่องแค่นี้ดูแลเองก็ได้ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของต้องทำทุกอย่างเอง สุดท้ายก็ไม่สามารถโฟกัสได้สักเรื่อง โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีสูง โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่เป็นเหมือนหัวใจของธุรกิจ ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเงินโดยตรง ทำหน้าที่ติดตามวางแผน รวมถึงจัดทำบัญชีหรืองบการเงิน เพื่อความถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เนื่องจากเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้น มีรายละเอียดของงานและมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเยอะ จึงต้องมีคนที่ทำหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ และหากได้คนดูแลที่เก่ง มีความเข้าใจตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาษี จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจวางแผนประหยัดภาษีได้มากเลยทีเดียว
4. นำข้อมูลมาวางแผนได้ เมื่อมีข้อมูลพร้อม อ่านข้อมูลเป็น อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการนำหน้าคู่แข่งก็คือ ต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ หรือสามารถนำข้อมูลไปใช้วางแผนธุรกิจ โดยเฉพาะการวางแผนสภาพคล่องให้ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนเพียงพอ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลอย่างเช่น ข้อมูลการขาย การสต็อกสินค้า การจ่ายหนี้ และการเก็บหนี้ โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนการขายให้สัมพันธ์กับการบริหารสต็อกสินค้า หรือบริหารระยะเวลาการเก็บเงินจากลูกหนี้ให้ทันรอบการจ่ายหนี้ให้เจ้าหนี้ เป็นต้น หากผู้ประกอบการสามารถวางแผนบริหารให้ธุรกิจมีสภาพคล่องดี แล้วยังสามารถนำสภาพคล่องที่เหลือไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจได้อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้วผู้ประกอบการเอสเอ็มอียุคใหม่อย่างเรา ควรหันมาใส่ใจให้ความสำคัญเรียนรู้และทำความเข้าใจกับข้อมูลการเงินให้ลึกซึ้ง เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถบอกอะไรได้มากกว่าแค่ตัวเลขที่มองเห็น เมื่อคุณเข้าใจข้อมูลการเงินดีแล้ว ก็สามารถนำไปใช้วางแผนธุรกิจควบคู่กับการรุกตลาดขยายการขาย แล้วยังช่วยธุรกิจให้ประหยัดภาษี นี่เท่ากับคุณชนะแบบใสๆ นำหน้าคู่แข่งไปได้หลายก้าวเลยทีเดียว
1. เก็บข้อมูลให้เป็นระบบ การจะมีข้อมูลคุณภาพดีมาไว้ใช้ต้องเริ่มจากมีการวางรูปแบบการจัดเก็บที่ดี สำหรับการจัดเก็บข้อมูลทางการเงินที่ดีก็คือ การมีระบบบัญชีที่ถูกต้อง มีระบบระเบียบในการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลต่างๆ อย่างมีมาตรฐาน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องภาษีและการตรวจสอบย้อนหลังแล้ว ยังป้องกันการทุจริตได้ และช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งองค์กร เพราะทั้งเจ้าของและพนักงานทุกคนเห็นข้อมูลตัวเดียวกันนั่นเอง
2. อ่านงบให้เป็น ข้อนี้สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยงบการเงินที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรรู้จักได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด เพราะตัวเลขต่างๆ ในงบการเงินนั้นสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการและผลการดำเนินงานของธุรกิจได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรอ่านงบให้เป็น อย่างน้อยต้องดูกระแสเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจ รู้สภาพคล่อง หาอัตราส่วนกำไรต่อยอดขายให้เป็น
3. มีคนดูแลเฉพาะทาง ผู้ประกอบการบางคนคิดว่าเรื่องแค่นี้ดูแลเองก็ได้ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของต้องทำทุกอย่างเอง สุดท้ายก็ไม่สามารถโฟกัสได้สักเรื่อง โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีสูง โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่เป็นเหมือนหัวใจของธุรกิจ ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเงินโดยตรง ทำหน้าที่ติดตามวางแผน รวมถึงจัดทำบัญชีหรืองบการเงิน เพื่อความถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เนื่องจากเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้น มีรายละเอียดของงานและมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเยอะ จึงต้องมีคนที่ทำหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ และหากได้คนดูแลที่เก่ง มีความเข้าใจตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาษี จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจวางแผนประหยัดภาษีได้มากเลยทีเดียว
4. นำข้อมูลมาวางแผนได้ เมื่อมีข้อมูลพร้อม อ่านข้อมูลเป็น อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการนำหน้าคู่แข่งก็คือ ต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ หรือสามารถนำข้อมูลไปใช้วางแผนธุรกิจ โดยเฉพาะการวางแผนสภาพคล่องให้ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนเพียงพอ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลอย่างเช่น ข้อมูลการขาย การสต็อกสินค้า การจ่ายหนี้ และการเก็บหนี้ โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนการขายให้สัมพันธ์กับการบริหารสต็อกสินค้า หรือบริหารระยะเวลาการเก็บเงินจากลูกหนี้ให้ทันรอบการจ่ายหนี้ให้เจ้าหนี้ เป็นต้น หากผู้ประกอบการสามารถวางแผนบริหารให้ธุรกิจมีสภาพคล่องดี แล้วยังสามารถนำสภาพคล่องที่เหลือไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจได้อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้วผู้ประกอบการเอสเอ็มอียุคใหม่อย่างเรา ควรหันมาใส่ใจให้ความสำคัญเรียนรู้และทำความเข้าใจกับข้อมูลการเงินให้ลึกซึ้ง เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถบอกอะไรได้มากกว่าแค่ตัวเลขที่มองเห็น เมื่อคุณเข้าใจข้อมูลการเงินดีแล้ว ก็สามารถนำไปใช้วางแผนธุรกิจควบคู่กับการรุกตลาดขยายการขาย แล้วยังช่วยธุรกิจให้ประหยัดภาษี นี่เท่ากับคุณชนะแบบใสๆ นำหน้าคู่แข่งไปได้หลายก้าวเลยทีเดียว
https://kasikornbank.com
