จะมีใครสักกี่คนที่รู้ที่มาของความหมายการบัญชีอย่างแท้จริง ซึ่งมีการค้นพบหลักฐานว่า การบัญชีเกิดขึ้นมากว่า 4,000 ปีแล้ว สมัยนั้นได้มีการจัดทำบัญชีสินค้า บัญชีค่าแรง และค่าภาษีอากรในเมโสโปเตเมีย หลังจากนั้น คริสต์ศตวรรษที่ 14 พ่อค้าชาวอินตาเลี่ยนได้พัฒนาระบบบัญชีคู่ใช้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ต่างๆที่เขาคิดขึ้นมานั้นไม่ได้รวบรวมไว้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1494 นาย FRALUCA PACIOLI ชาวอิตาเลี่ยน ได้เขียนหนังสือเรื่องสั้น ชื่อว่า “Summa” เป็นตำราว่าด้วยการคำนวณเกี่ยวกับพีชคณิต เลขคณิต การแลกเปลี่ยนเงินตรารวมทั้งการบัญชี ซึ่งเขาได้ทำการรวบรวมกฎเกณฑ์ต่างๆ ของหลักการบัญชีคู่ไว้อย่างสมบูรณ์ เหล่านี่ทำให้เขาได้กลายเป็น “บิดาแห่งวิชาการบัญชี”
ต่อมา ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้เกิดเหตุการณ์ทางอุตสาหกรรมขึ้นในยุโรป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่มีการลงทุนกันมากขึ้น โดยเฉพาะมีการลงทุนร่วมกัน ทำให้เกิดความคิดที่จะเก็บข้อมูลบัญชีกิจการโดยแยกต่างหากกับเจ้าของ เพื่อจะได้ทราบว่าใครนำเงินลงทุนไปแล้วเท่าไร และมีสิทธิส่วนได้และส่วนเสียในกิจการเท่าใด นอกจากนี้ ยังมีการจัดงบการเงินเพื่อรายงานถึงผลการดำเนินงานเพื่อให้ผู้ร่วมลงทุนได้ทราบ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นที่ยอมรับและใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา: Jobsdb