ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถอดบทเรียนไต้หวันรับมือโควิด-19 อย่างไร ให้ผู้ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์
ไต้หวันเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องมาตรการรับมือโควิด-19 เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพและการให้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สร้างสัญญาณบวกให้เกิดขึ้น ในเวลาเกือน 4 เดือน ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อสะสมไม่ถึง 500 ราย แบ่งเป็นอัตราการรักษาหายแล้วเกินครึ่ง เสียชีวิตเพียง 6 ราย คิดเป็น 1.4% มาดูกันว่าไต้หวันมีวิธีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร
1. ตั้งการ์ด เริ่มก่อน เปิดเกมรุก
ประเทศไต้หวัน เป็นประเทศที่มีความตื่นตัวเร็วมาก ทางการได้ดำเนินมาตรการฉุกเฉินก่อนโควิด-19 จะเข้าสู่ขั้นวิกฤตหนัก ออกคำสั่งให้โรงพยาบาลเริ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อและทำการติดตามผู้ป่วยในประเทศ โดยการเริ่มจำกัดการเดินทางและตรวจคัดกรองอย่างจริงจัง ดำเนินมาตรการกักกันโรคกับคนที่เดินทางมากจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หรือพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ได้เกิดขึ้นก่อนที่ไต้หวันจะมีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายแรก เมื่อวันที่ 21 มกราคม 63
2. เรียนรู้จากอดีต
ประเทศไต้หวัน ใช้ประสบการณ์ช่วงที่เคยเผชิญกับวิกฤตโรคซาร์ส เป็นการเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต ทางการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ รับมือโรคระบาดกลาง (CECC) โดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชียวชาญ พร้อมทั้งให้ความรู้ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้กับประชาชน
3. ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา
ทางการไต้หวันใช้ Big Data วิเคราะห์การระบาดของโรคและช่วยระบุตัวตนผู้ป่วย ทั้งยังเตรียมความพร้อมของเรื่องการป้องกันอย่างเช่น หน้ากากอนามัย ทางการไต้หวันสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้มากกว่า 15 ล้านชิ้นต่อวัน จัดสร้างช่องทางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งจำหน่ายหน้ากากอนามัยได้ง่ายขึ้นและมีราคาถูก เป็นการจัดการปัญหาการขาดแคลนและกักตุนสินค้าได้ดี
4. ระดมกำลังทุกภาคส่วน
มีการเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน กระตุ้นให้เกิดการบริโภคและสามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีสติ พร้อมทั้งออกมาตรารเพิ่มระยะห่างทางสัมคม แนะนำให้อยู่แต่ภายในที่พักอาศัยเป็นการลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ไต้หวัน ยังคงเป็นชาติที่สวัสดิการของภาครัฐครอบคลุม โดยผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจฟรี
5. ผู้นำในภาวะวิกฤต
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ถือว่าเป็นผู้นำที่มีผลงานที่โดนเด่นมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 เธอสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา จนรัฐบาลได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ไช่อิงเหวินกล่าวว่า "โซเชียลมีเดีย ช่วยให้ฉันสามารถสื่อสารกับชาวไต้หวันได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ไต้หวันเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ด้วย" ไช่อิเหวินยืนยันว่า ความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นในไต้หวันไม่ใช่เพราะโชคหรือเรื่องบังเอิญ
รัฐบาลได้รับข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนจากประชาชน สอบถามถึงวิธีการที่เขาจะสามารถบริจาคทุนและอุปกรณ์ต่างๆให้แก่กลุ่มคนที่ประสบปัญหามากที่สุดในประชาคมโลก ทางการไต้หวันจึงตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ในส่วนที่ทำได้ เพื่อช่วยยุติการแพร่กระจายของโรคระบาดนี้ โดยการบริจาคอุปกรณ์ต่างๆ ศึกษาวิจัยร่วมกัน รวมทั้งถ่ายทอดประสบการณที่มี โดยทางการไต้หวันเตรียมจัดส่งหน้ากากอนามัยหว่า 16 ล้านชิ้นไปยังบรรดาประเทศที่ขาดแคลน
ไช่อิงเหวินระบุว่าโควิด-19 เป็นวิกฤตด้านมนุษยชาติระดับโลกที่ทุกประเทศจะต้องช่วยเหลือกัน แม้ที่ผ่านมาไต้หวันจะถูกกีดกันจากการสมัครเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลกและองค์การสหประชาชาติ แต่ไต้หวันก็ยินดี และพร้อมที่จะทำงานกับประชาคมโลกเพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ที่มา : Link
รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/1612
