ประเทศไทย กำลังเนื้อหอมใน Travel Bubble

ประเทศไทย กำลังเนื้อหอมใน Travel Bubble

        ปัจจุบัน โควิด-19 ยังคงระบาดหนักอยู่ในหลายประเทศ แต่ก็มีหลายประเทศเช่นกัน ที่เริ่มควบคุมสถานการณ์ได้แล้วถ้าต่างฝ่ายต่างต้องปิดประเทศแบบนี้กันไปอีกเป็นปี ก็คงจะมีหลายคนต้องลำบากหนัก โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น สายการบิน โรงแรม จึงมีการเดินทางระหว่างประเทศรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ที่เรียกว่า “Travel Bubble” แล้ว Travel Bubble คืออะไร? 

        แปลตรงๆ ก็คือ ฟองอากาศของการท่องเที่ยว ด้านในของฟองอากาศ คือ ประเทศที่มีการจับคู่ หรือรวมกลุ่มกัน เพื่อให้มีการเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการกักตัว (State Quarantine) 14 วัน แต่ใช่ว่าทุกประเทศจะสามารถเข้าไปอยู่ด้านในฟองอากาศนี้ได้ เพราะด้านในของแต่ละฟอง ต้องเป็นคู่หรือกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ และยินยอมให้ไปมาหากัน เพราะฉะนั้น ประเทศที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และยังคุมสถานการณ์ได้ไม่ดีพอก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฟองอากาศเหล่านั้น

        ส่วนประเทศในฟองอากาศแต่ละฟอง อาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามแต่ตกลงเช่น ต้องมีใบรับรองว่ามีสุขภาพแข็งแรงไม่มีการติดเชื้อ หรืออนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อทำธุรกิจหรือธุระจำเป็นเท่านั้น เท่ากับว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้มีวัคซีน หรือรอให้เชื้อไวรัสหมดไป กลุ่มประเทศที่พร้อม ก็สามารถกลับมาเปิดประเทศให้ไปมาหาสู่กันได้เพื่อช่วยให้หลายฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา

แล้วการทำ Travel Bubble มันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง?

        ก็ต้องตอบว่า มีทั้งกลุ่มที่เริ่มทำแล้ว และกลุ่มที่กำลังจะเริ่ม ซึ่งกลุ่มที่เริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ประกอบด้วย
1. กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติกในยุโรปตะวันออก ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย กลุ่มนี้อนุญาตให้ประชากรทุกคนเดินทางไปมาได้อย่างเสรีและเริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม
2. คู่ระหว่างสิงคโปร์กับบางมณฑลในจีนอนุญาตให้เฉพาะนักธุรกิจหรือข้าราชการที่มีใบอนุญาต และใบรับรองสุขภาพเท่านั้น โดยมณฑลในจีนที่จับกลุ่มกับสิงคโปร์ คือ เซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง เจ้อเจียง เทียนจิน เจียงซู และฉงชิ่ง กลุ่มนี้เริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน

        กลุ่มที่กำลังจะเริ่มทำ Travel Bubble เช่น
1. กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ประกอบด้วย นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ยกเว้น สวีเดน ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และใช้วิธีปล่อยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในวันที่ 15 มิถุนายน
2. กลุ่มประเทศในทะเลแทสมัน ประกอบด้วย นิวซีแลนด์ กับ ออสเตรเลีย กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในเดือนกันยายน
3. กลุ่มประเทศในยุโรป ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในวันที่ 15 มิถุนายน

        นอกจากกลุ่มประเทศที่ว่ามานี้ยังมีอีกหลายกลุ่ม ที่อยู่ในช่วง “กำลังพิจารณา” เพื่อเปิดให้มีการเดินทางในรูปแบบนี้ รวมถึง “ประเทศไทย” ซึ่งการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศในรูปแบบฟองอากาศนี้ ถ้าเราลงทุนสร้างมาตรฐานการควบคุมให้ดี ก็จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการระบาดระลอก 2 ได้และจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวกลับมาได้ไม่น้อย ด้วยความสำเร็จในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของไทย ประเทศไทยตอนนี้กำลังเนื้อหอม และเป็นที่หมายตาของหลายประเทศในการถูกเลือกเข้าไปในฟองสบู่ลูกต่างๆ ที่เกิดขึ้น
        คำถามที่สำคัญคือ ประเทศไหนดีพอจะมาอยู่ใน Bubble เดียวกับเรา และเราจะได้ประโยชน์อย่างไรในการอยู่ Bubble เดียวกับประเทศนั้น เลือกประเทศดีๆ แล้วไทยจะได้ประโยชน์มหาศาลจากฟองสบู่ลูกนี้ เพราะเรากำลังเป็น “คนสวย” ที่เลือกได้..

ที่มา :
 Link

รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/1612

 729
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์