คนที่ประสบความสำเร็จ อุดรอยรั่วทางการเงินยังไง?

คนที่ประสบความสำเร็จ อุดรอยรั่วทางการเงินยังไง?

“คนที่ประสบความสำเร็จ อุดรอยรั่วทางการเงินยังไง?” เรื่องการเงินเล็กๆ ที่ใครหลายคนอาจมองข้าม
        เคยถามตัวเองกันไหมครับว่า ไม่ว่าเราจะหารายได้ได้มากเท่าไหร่ เงินก็ไม่เคยพอใช้หรือเหลือเก็บสักที นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า “เรามีรอยรั่วทางการเงินอยู่” เช่น รอยรั่วจากค่าใช้จ่ายจากการใช้เงินตามอารมณ์ รอยรั่วจากความใจดีของเราจากการให้เพื่อนยืมเงินแต่ไม่เคยได้คืน รอยรั่วจากการเจ็บป่วย โดยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการเจ็บป่วยกะทันหัน โดยรอยรั่วทั้งหมดเหล่านี้จากการที่ได้พูดคุยกับ aomMONEY Guru ซึ่งหลายๆ ท่านก็ประสบความสำเร็จทางการเงิน แทบทุกท่านเห็นตรงกันว่ารอยรั่วที่น่ากลัวมากที่สุด แต่ทุกคนมองข้าม คือ “รอยรั่วจากค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล” เพราะปัจจุบันนั้นเรากำลังเจอกับภาวะค่ารักษาพยาบาลที่แพงและเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6 - 8% ซึ่งอาจจะมากกว่าอัตราการขึ้นเงินเดือนของที่ทำงานหลายๆ ที่ด้วยซ้ำ

        ถ้าเพื่อนๆ คิดภาพไม่ออกว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะสร้างรอยรั่วได้อย่างไร บ.ก. ขออนุญาตยกตัวอย่างคนรู้จักที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับฮอร์โมนในเพศหญิง ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาอย่างกะทันหัน โดยที่ขณะนั้นเธอไม่มีประกันสังคมและประกันสุขภาพและต้องนอนห้อง ICU ถึง 2 คืน รวมค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าหมอ เป็นเงินทั้งสิ้น 55,000 บาท ซึ่งเธอต้องจ่ายค่ารักษาทั้งหมดด้วยเงินของตนเอง กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอหันมาสนใจเรื่องการอุดรอยรั่วจากค่ารักษาพยาบาลมากขึ้นด้วยการศึกษาประกันสุขภาพ

“ประกันสุขภาพ” ช่วยอุดรอยรั่วทางการเงินจากค่ารักษาพยาบาลอย่างไร?

1. ซื้อประกันสุขภาพเท่ากับซื้อความเสี่ยง
        ไม่มีใครทราบว่า “ตนเองจะเจ็บป่วยเมื่อไหร่” แต่สิ่งที่สามารถทำได้ คือ การมีประกันสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเป็นการคุ้มครองค่าใช้จ่ายในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่ถ้าเกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายแก่การเงินไม่ใช่น้อย มีหลายคนที่ต้องนำเงินเก็บทั้งหมดมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล

        คำแนะนำจาก aomMONEY : ไม่อยากให้มองว่า “การซื้อประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น” เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ประกันสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปเบียดเบียนเงินในอนาคต หรือนำเงินมาจ่ายค่ารักษาจนหมดตัว

2. ค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกปี
        สิ่งที่ตามมา คือ ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว เพราะปัจจุบันราคาค่ารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ สูงถึงหลักหมื่นบาท และราคาค่ารักษาโรคร้ายแรงยอดฮิตอย่างโรคมะเร็ง สูงถึงหลักแสนบาท ถึงแม้จะมีสิทธิรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน แต่อย่าลืมว่า ทุกสวัสดิการย่อมกำหนดวงเงินสูงสุดเอาไว้ในอัตราที่ไม่ได้มากนัก เกิดเจ็บป่วยร้ายแรงอาจจะไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด

        คำแนะนำจาก aomMONEY : ประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแทนเงินในกระเป๋าของเรา และช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราค่ารักษาที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นทุกปี ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเงินที่มีจะพอจ่ายรึเปล่า ทั้งนี้ ถ้าสิทธิรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานเพียงพอแล้ว อาจจะมองเป็นส่วนของโรคร้ายแทนก็ได้ครับ เพราะปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1

3. เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เราต้องการ
        คนส่วนใหญ่จะใช้สิทธิรักษาขั้นพื้นฐาน เช่น สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ประกันสังคม ประกันกลุ่ม บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่ถ้าเราเจ็บป่วยเป็นโรคที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด การใช้สิทธิสวัสดิการอาจจะใช้เวลาในการรอหลายวัน กว่าจะได้ผ่าตัดโรคคงคร่าชีวิตเราไปก่อน ดังนั้น ประกันสุขภาพจะช่วย
ยกระดับการรักษาให้ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอคิว แต่สามารถเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดได้ทันที

        คำแนะนำจาก aomMONEY : ประกันสุขภาพจะช่วยยกระดับการรักษา และช่วยให้เราสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ต้องการได้ แต่ควรคำนึงถึงสิทธิรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานด้วย ไม่ควรให้ผลประโยชน์ทับซ้อนกัน ทำเท่าที่จำเป็นและควรหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ ประกันครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน

4. เลือกกรมธรรม์ให้เหมาะสมกับความจำเป็นของตนเอง
        ปัจจุบันมีกรมธรรม์ให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของตนเอง โดยประเมินว่า มีความเสี่ยงด้านไหนบ้าง เช่น ครอบครัวมีประวัติโรคทางกรรมพันธุ์ เสี่ยงจากการทำงาน หรือชีวิตประจำวัน เป็นต้น ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก โรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ ประกันชดเชยรายได้ สามารถเลือกได้ตามความต้องการ เพราะค่อนข้างจะครอบคลุม

        คำแนะนำจาก aomMONEY : หลายคนจะคิดว่า เราไม่มีทางเป็นอะไรหรอก ซื้อประกันไปยังไงก็ไม่คุ้ม แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น หากตัดสินใจทำประกันก็ควรมองที่วงเงินไว้ด้วย เพราะถ้าเคยมีประวัติการรักษา โอกาสเพิ่มวงเงินก็จะค่อนข้างยาก และควรคำนึงถึงจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายในแต่ละครั้งด้วย ควรอยู่ในวงเงินที่เราจ่ายไหว

5. สามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้
        นอกจากประกันสุขภาพจะช่วยคุ้มครองค่ารักษา ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ถือว่าได้ประโยชน์ในเรื่องของการคุ้มครอง และช่วยประหยัดภาษีไปได้ในเวลาเดียวกัน

        คำแนะนำจาก aomMONEY : สำหรับใครที่เงินได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี การซื้อประกันสุขภาพน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้ประหยัดภาษีไปได้ ถ้ากำลังมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนอยู่ น่าจะเป็นอีกอย่างที่น่าลงทุนเอาไว้นะครับ
        การที่เราพยายามเติมน้ำลงไปในถังที่มีรอยรั่ว ถ้าเราไม่ปิดรอยรั่วนั้นเสียก่อน เติมเท่าไหร่มันก็ไม่มีวันเต็มหรอกครับ ชีวิตก็เช่นกัน.. ถ้าอยากประสบความสำเร็จทางการเงิน ควรสังเกตวิธีการใช้เงินของตนเองและวางแผนการเงินให้ดี เพราะชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยง เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เงินก้อนที่หามาทั้งชีวิต หายไปกับค่ารักษาพยาบาลเพียงแค่ครั้งเดียวหรอกจริงไหมครับ “อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาล เป็นรอยรั่วที่ไม่สามารถปิดได้”

แหล่งที่มา : Link

 1207
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์