ความแตกต่างของการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการ

ความแตกต่างของการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการ

รายงานการเงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้ ดังนั้น จึงอาจจำแนกการบัญชีตามวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลได้เป็น 2 ลักษณะคือ การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) และการบัญชีเพื่อการจัดการ (Managerial Accounting) ดังนี้

1. การบัญชีการเงิน เป็นการบัญชีที่มีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอรายงานข้อมูลทางการบัญชีเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกองค์กร ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ลูกจ้าง ผู้ให้กู้ ผู้ขายสินค้าและเจ้าหนี้อื่น ลูกค้า รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการ และสาธารณชน ข้อมูลทางการบัญชีจะรวบรวมจากหลักฐานที่เกิดขึ้นในอดีตที่สามารถตรวจสอบได้และจัดทำในรูปของรายงานการเงินรวมของทั้งองค์กรที่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่ยอมรับทั่วไป ได้แก่ งบกำไรขาดทุน งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบ งบการเงิน เป็นต้น โดยเน้นข้อมูลที่ถูกต้องและมีระยะเวลาการเปิดเผยงบการเงินที่เป็นไปตามกฎ ระเบียบและข้อบังคับตามกฎหมาย

2. การบัญชีเพื่อการจัดการ เป็นการบัญชีที่นำเสนอข้อมูลทางการบัญชีต่อฝ่ายจัดการหรือผู้บริหารเพื่อประโยชน์ในการวางแผน ควบคุม ประเมินผลการดำเนินงานและการตัดสินใจ ของผู้บริหารทุกระดับ ข้อมูลทางการบัญชีจะรวบรวมทั้งจากหลักฐานที่เกิดขึ้นในอดีตและข้อมูลประมาณการสำหรับอนาคตที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลของผู้บริหาร รายงานทางการเงินอาจเสนอแยกตามหน่วยงานย่อยก็ได้ โดยจะให้ความสำคัญที่ความเกี่ยวข้องของข้อมูลที่จะใช้วิเคราะห์ในการตัดสินใจและความทันเวลา ส่วนระยะเวลาการจัดทำรายงานการเงินจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริหาร

โดยทั่วไปข้อมูลทางการบัญชีที่นำเสนอในลักษณะของการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการต่างก็ได้มาจากเอกสารหลักฐานทางการเงินชุดเดียวกันและได้จากระบบสารสนเทศทางบัญชีระบบเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกันหลายประการ สรุปได้ดังนี้

ความแตกต่างของการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการ

       รายงานการเงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้ ดังนั้น จึงอาจจำแนกการบัญชีตามวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลได้เป็น 2 ลักษณะคือ การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) และการบัญชีเพื่อการจัดการ (Managerial Accounting) ดังนี้

       1. การบัญชีการเงินเป็นการบัญชีที่มีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอรายงานข้อมูลทางการบัญชีเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกองค์กร ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ลูกจ้าง ผู้ให้กู้ ผู้ขายสินค้าและเจ้าหนี้อื่น ลูกค้า รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการ และสาธารณชน ข้อมูลทางการบัญชีจะรวบรวมจากหลักฐานที่เกิดขึ้นในอดีตที่สามารถตรวจสอบได้และจัดทำในรูปของรายงานการเงินรวมของทั้งองค์กรที่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่ยอมรับทั่วไป ได้แก่ งบกำไรขาดทุน งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบ งบการเงิน เป็นต้น โดยเน้นข้อมูลที่ถูกต้องและมีระยะเวลาการเปิดเผยงบการเงินที่เป็นไปตามกฎ ระเบียบและข้อบังคับตามกฎหมาย

       2. การบัญชีเพื่อการจัดการ เป็นการบัญชีที่นำเสนอข้อมูลทางการบัญชีต่อฝ่ายจัดการหรือผู้บริหารเพื่อประโยชน์ในการวางแผน ควบคุม ประเมินผลการดำเนินงานและการตัดสินใจ ของผู้บริหารทุกระดับ ข้อมูลทางการบัญชีจะรวบรวมทั้งจากหลักฐานที่เกิดขึ้นในอดีตและข้อมูลประมาณการสำหรับอนาคตที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลของผู้บริหาร รายงานทางการเงินอาจเสนอแยกตามหน่วยงานย่อยก็ได้ โดยจะให้ความสำคัญที่ความเกี่ยวข้องของข้อมูลที่จะใช้วิเคราะห์ในการตัดสินใจและความทันเวลา ส่วนระยะเวลาการจัดทำรายงานการเงินจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริหาร

       โดยทั่วไปข้อมูลทางการบัญชีที่นำเสนอในลักษณะของการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการต่างก็ได้มาจากเอกสารหลักฐานทางการเงินชุดเดียวกันและได้จากระบบสารสนเทศทางบัญชีระบบเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกันหลายประการ สรุปได้ดังนี้

ข้อแตกต่างระหว่างการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการ

ข้อแตกต่าง

การบัญชีการเงิน

การบัญชีเพื่อการจัดการ

1.  ผู้ใช้ข้อมูล

ผู้ใช้ภายนอกองค์กรได้แก่  ผู้ถือหุ้น ผู้ให้กู้    ผู้ลงทุน หน่วยงานราชการ  เป็นต้น

ผู้ใช้ภายในองค์กร   ผู้บริหาร

2.  ลักษณะของข้อมูลที่นำเสนอ

เป็นข้อมูลทางการเงินที่อยู่ในรูป ของข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น กำไรสุทธิ  ต้นทุนการผลิตของสินค้า  ยอดขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร เป็นต้น

เป็นทั้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูล ที่ไม่เกี่ยวกับการเงินซึ่งอยู่ในรูปของข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ความคิดเห็นของนักบัญชี คุณภาพของสินค้า  เป็นต้น

3.  กฎเกณฑ์การจัดทำงบการเงิน

กฎเกณฑ์การจัดทำงบการเงินเป็นมาตรฐานสากล จัดทำตามมาตรฐานการบัญชี  เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป

ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลของผู้บริหาร

4. เวลาที่ได้ข้อมูล

เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต  และได้จากหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้

บางส่วนเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต   บางส่วนเป็นข้อมูลประมาณการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตที่มีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้บริหาร

5. ลักษณะที่ให้ความ สำคัญ

ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง  เชื่อถือได้  และการตรวจสอบได้ของข้อมูล

ให้ความสำคัญกับความเกี่ยวข้องข้อมูลและความทันเวลาในการนำเสนองบการเงิน

6.  รูปแบบรายงานทางการเงินที่นำเสนอ

เสนอเป็นภาพรวมทั้งองค์กร

อาจเสนอรายงานการเงินแยกตามส่วนงานหรือหน่วยงานย่อยก็ได้ เพื่อประโยชน์ในการประเมินผลการทำงานและการจูงใจพนักงาน

7. ระยะเวลานำเสนอรายงาน

ตามงวดระยะเวลาบัญชี

ยืดหยุ่นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริหาร เช่น จัดทำรายงานต้นทุนการผลิตเฉพาะแผนกผลิตที่หนึ่ง   สัปดาห์ละครั้ง เป็นต้น

แหล่งที่มา : Link

 884
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์