ภาษีป้าย คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร...?

ภาษีป้าย คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร...?



ในสังคมไทย ป้ายที่เราเห็นตามท้องถนน อาคาร หรือร้านค้าต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือประชาสัมพันธ์ธุรกิจหรือแสดงตัวตนของสถานที่ แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับภาระภาษีที่เรียกว่า “ภาษีป้าย” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษีท้องถิ่นที่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีอยู่หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ

ภาษีป้าย คืออะไร ?

          ภาษีป้าย คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ที่เป็นเจ้าของป้าย หรือผู้ใช้ประโยชน์จากป้าย ที่มีการแสดงข้อความหรือภาพเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้านค้า สินค้า บริการ สัญลักษณ์ หรือข้อความอื่นๆ ที่ปรากฏบนป้าย โดยการจัดเก็บภาษีป้ายนี้เป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่น และรายได้จากภาษีนี้จะนำมาใช้ในการพัฒนาชุมชนและบริการต่างๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล)


ประเภทของป้ายที่ต้องเสียภาษี

          ประเภทของป้ายจะถูกกำหนดอัตราภาษีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของป้ายและลักษณะของข้อความ หรือภาพที่แสดงบนป้าย ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้ป้ายที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ต้องเสียภาษี

           ป้ายที่มีตัวอักษรไทยล้วน หรือป้ายที่ใช้ตัวอักษรภาษาไทยรวมกับตัวเลข สัญลักษณ์ หรือภาพในการแสดงข้อความ เช่น ป้ายชื่อร้านค้า ป้ายโฆษณาสินค้า หรือบริการ
           ป้ายที่มีตัวอักษรต่างประเทศ ป้ายที่ใช้ภาษาอื่นๆ นอกเหนือจากภาษาไทย เช่น ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น
           ป้ายที่มีตัวอักษรไทยและตัวอักษรต่างประเทศ ป้ายที่ใช้ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศร่วมกัน
           ป้ายที่ไม่มีตัวอักษร แต่ใช้สัญลักษณ์หรือเครื่องหมาย อาจเป็นภาพโลโก้ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการโฆษณา

อัตราภาษีป้าย

          อัตราภาษีป้ายจะแตกต่างกันไปตามประเภทของป้าย ขนาด และเนื้อหาบนป้าย โดยการคำนวณจะพิจารณาจากพื้นที่ของป้ายเป็นหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็น

           ป้ายที่มีตัวอักษรไทยอย่างเดียว คิดอัตราเริ่มต้นที่ 3 บาท/ตารางเซนติเมตร
           ป้ายที่มีตัวอักษรไทยและตัวอักษรต่างประเทศหรือมีเพียงอักษรต่างประเทศ คิดอัตราเริ่มต้นที่ 20 บาท/ตารางเซนติเมตร
           ป้ายที่มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อื่นๆ อัตราภาษีจะสูงกว่าป้ายประเภทอื่นตามข้อกำหนดของกฎหมาย
           ป้ายที่มีลักษณะเป็นการโฆษณาเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นป้ายของหน่วยงานราชการอาจได้รับการยกเว้นภาษี

ขั้นตอนการยื่นและชำระภาษีป้าย

          ผู้ที่เป็นเจ้าของป้ายจะต้องยื่นแบบแสดงรายการป้าย (ภ.ป.1) ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ป้ายติดตั้งอยู่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ติดตั้งป้ายใหม่หรือเปลี่ยนแปลงข้อความบนป้าย หลังจากยื่นแบบแล้วผู้ที่เป็นเจ้าของป้ายจะได้รับแจ้งจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ ซึ่งสามารถชำระได้ตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ชำระภาษีภายในกำหนดอาจถูกเรียกเก็บค่าปรับและดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด และผู้ที่เป็นเจ้าของป้ายควรทำความเข้าใจและติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย หรือข้อบังคับท้องถิ่นในพื้นที่ที่ตนทำธุรกิจอยู่ เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง


บทลงโทษสำหรับการไม่ชำระภาษี

          หากผู้ประกอบการไม่ทำการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย หรือยื่นล่าช้ากว่าที่กำหนดจะมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องชำระภาษีย้อนหลัง และค่าเบี้ยปรับตามอัตราที่กำหนด หรือในบางกรณีอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะยาว


บทสรุป

          ภาษีป้ายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งยังช่วยรักษาความเรียบร้อยของพื้นที่สาธารณะและสร้างความเสมอภาคในการโฆษณาของธุรกิจต่างๆ แม้จะเป็นภาษีที่ดูเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับภาษีอื่นๆ แต่สำหรับธุรกิจการเสียภาษีป้ายเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ประกอบการที่มีการติดตั้งป้ายโฆษณาในพื้นที่สาธารณะ การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีป้ายนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่น ยังช่วยป้องกันความผิดพลาดและรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของกิจการได้

 217
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์