“เงินเฟ้อ” เราอาจจะได้ยินคำนี้มาโดยตลอด แล้ว “เงินเฟ้อ” มันแปลว่าอะไรล่ะ ? เงินเฟ้อก็คือสภาวะที่ราคาสินค้าและบริการที่ซื้อกินซื้อใช้มีแนวโน้มการปรับขึ้นของราคา ง่ายๆก็คือของแพงขึ้นนั่นแหละ
เงินเฟ้อมันกระทบกับชีวิตเรามากมายขนาดไหน ลองจินตนาการย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน พี่ทุยจำได้ว่าข้าวจานนึงมันราคาจานละ 10 บาทเองนะ แล้วลองดูว่าเดี๋ยวนี้อย่างต่ำก็มี 40 บาทแล้วล่ะ นั่นแปลว่า ข้าวที่เรากินกันทุกวันแพงขึ้นมา 4 เท่าในระยะเวลา 20 ปี ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อตามตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศจะอยู่แถวๆ 2-3 % ก็ตาม แต่เนื่องจาก 2-3% ที่เราเห็นเนี้ยเป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น ดังนั้นเงินเฟ้อที่เราเจอกันจริงๆในชีวิตประจำวันจะสูงกว่า 3-4% แน่นอน เนี้ยแหละคือความน่ากลัวของเงินเฟ้อ
ฟังดูเหมือนการที่ระบบเศรษฐกิจเรามีเงินเฟ้อเนี้ยเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะ แต่พี่ทุยบอกได้เลยระบบเศรษฐกิจที่มีเงินเฟ้ออ่อนๆตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ถือว่าดีนะ
เพราะการที่มีเงินเฟ้อนั้นแปลว่าสินค้าราคาแพงขึ้น จะทำให้เจ้าของกิจการได้กำไรเยอะขึ้น พอเจ้าของกิจการเห็นว่ากำไรเยอะขึ้น ก็จะกล้าลงทุนขยายกิจการ จ้างคน จ้างงานเพิ่มเติม ก็ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพมากขึ้น พอคนมีงานก็จะมีเงินใช้จ่าย ก็หมุนกลับมาที่กิจการได้กำไรมากขึ้นไปอีกนั่นแหละ จะเห็นได้ว่าการที่ระบบเศรษฐกิจมีเงินเฟ้อจะทำให้เศรษฐกิจขยายและเติบโตได้
แต่ถ้าเงินเฟ้อมีสูงมากจนเกินไปก็จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า “Hyper Inflation” เรียกง่ายๆก็คือสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นสูงมากๆและเร็ว ก็จะทำให้คนซื้อของได้น้อยลง เจ้าของกิจการขายของได้น้อยลง สุดท้ายก็ต้องลดขนาดกิจการและไล่คนออกในที่สุด
หรือถ้าสภาวะที่เงินเฟ้อต่ำมากหรือเงินเฟ้อติดลบเค้าจะเรียกว่า “เงินฝืด” เป็นช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยอยากจับจ่ายใช้สอย พอของขายไม่ได้ก็ต้องลดราคาสินค้าลงก็จะเข้าทำให้เจ้าของกิจการได้กำไรน้อยลง สุดท้ายก็จะลดขนาดกิจการอาจจะถึงขั้นปิดไปในที่สุด..
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเวลาที่เราฟังข่าวเศรษฐกิจรัฐบาลจะพูดถึงเป้าหมายของเงินเฟ้อเสมอๆ เหตุผลก็ตามข้างบนที่พี่ทุยอธิบายไว้เลยจ้า ทีนี้พอเรารู้ว่าเงินเฟ้อคืออะไร เราก็สามารถสนุกกับการฟังข่าวเศรษฐกิจเพราะเราจะเข้าใจมันมากขึ้นนั่นเอง
บทความโดย: https://www.moneybuffalo.in.th
