7 วินัยทางการเงินดัน SME ให้มีกำไรแรง

7 วินัยทางการเงินดัน SME ให้มีกำไรแรง

     คำว่าขายดีจนเจ๊งไม่ใช่แค่คำพูดสนุกๆ แต่หากว่าเป็นเรื่องจริงของธุรกิจที่ไม่สนใจเรื่องบัญชีรายรับรายจ่าย พูดให้เข้าใจง่ายคือเก่งตลาด แต่ไม่เก่งการเงิน ทั้งที่เรื่องของการเงินเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆที่จะบอกถึงความอยู่รอดของธุรกิจได้ทั้งนี้มีผลสำรวจน่าสนใจจากผู้ประกอบการรายเล็กจากอเมริกากว่า 1,700 ราย ธุรกิจเหล่านี้คือธุรกิจที่อยู่รอดและเติบโตได้ดีเราลองมาดูสรุป 7 ข้อที่เป็นวินัยทางการเงินที่ธุรกิจจากต่างประเทศเหล่านี้เขาใช้กันส่วนใหญ่เขาทำอะไร และทำไมเขาถึงอยู่รอด

1.สถานะทางการเงินต้องตรวจสอบสม่ำเสมอ

เป็นวินัยทางการเงินในลำดับต้นๆที่นักธุรกิจจากต่างประเทศทำกัน กว่าร้อยละ 69 มีการเช็คการเงินในธุรกิจเป็นประจำ นั้นหมายถึงจะทำให้เราทราบถึงกระแสเงินที่หมุนเวียนเข้ามาทั้งรายรับ รายจ่าย ระยะเวลาในแต่ละช่วงการทำธุรกิจ

ซึ่งการมองเห็นกระแสการไหลเวียนของเงินได้ชัดเจนทำให้เจ้าของธุรกิจคาดคะเนถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้สร้างกำแพงในการป้องกัน หรือหากเห็นช่องในการต่อยอดก็จะสามารถทำได้ทันท่วงที ในขณะเดียวกันหากพบช่องโหว่ที่ทำให้เงินรั่วไหลก็จะได้อุดปัญหาเหล่านั้นได้ทันท่วงที

2.ใช้ประโยชน์จากการตั้งงบประมาณ

ประมาณร้อยละ 47 ของธุรกิจในอเมริกาเลือกวิธีการตั้งงบประมาณ เนื่องจากมองว่างบประมาณเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการทำธุรกิจได้ โดยในขั้นเริ่มแรก ควรมีการจัดทำงบประมาณตั้งแต่วันแรกของเดือนเพื่อที่จะสามารถทำการประเมินได้ว่าเราจะได้รายรับในเดือนนั้นเท่าไรและมีค่าใช้จ่ายเท่าไร 

จากนั้นทำการตรวจสอบงบประมาณเทียบกับผลลัพธ์ที่แท้จริง ณ สิ้นเดือน ประโยชน์ที่ได้คือทำให้เราสามารถวางแผนการทำธุรกิจได้ง่ายและควบคุมรายจ่ายได้อย่างเป็นระบบรวมถึงฝึกให้เคยชินกับเรื่องการเงินได้มากขึ้นด้วย 

3.เงินจ่ายภาษีไม่ควรนำมารวมกับรายได้ 

อีกอย่างที่ควรคำนึงถึงในเรื่องการทำธุรกิจคือ แท้จริงแล้วเงินที่ต้องจ่ายภาษีนั้นเป็นเงินของรัฐบาล ดังนั้นจึงควรแยกค่าใช้จ่ายสำหรับภาษีออกไว้ต่างหากและไม่ควรนำมาปะปนกับรายได้จากการทำธุรกิจเพื่อป้องกันการสับสน โดย ร้อยละ52 ของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีการจัดเก็บเงินในจำนวนที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการจ่ายภาษี 

4.เป็นหนี้อย่างชาญฉลาด

บางครั้งการเป็นหนี้ก็เป็นเรื่องดี เพราะการที่ยอมเป็นหนี้ก็เพื่อทำให้ธุรกิจมีการเติบโตได้ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นจะเป็นตัวทำลายธุรกิจของเราได้ และที่สำคัญเมื่อมีหนี้จากการทำธุรกิจเราต้องทำการชำระคืนอย่างสม่ำเสมอและลดเงินต้นอย่างจริงจังด้วย โดย 50 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นมีความมุ่งมั่นในการลดหนี้อย่างจริงจัง 

5.จ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง 

เราอาจคิดว่าในฐานะเจ้าของธุรกิจเงินเดือนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ แต่ในความหมายแท้จริงการจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองเป็นวิธีการบริหารการเงินอย่างหนึ่ง ข้อดีของการจ่ายเงินให้ตัวเองคือทำให้เรารู้จักการแยกรายได้ส่วนตัวออกจากรายได้ของบริษัท โดยร้อยละ 49 ของเจ้าของกิจการมีการจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้วย

6. สรรหารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม 

กว่า 64 เปอร์เซ็นต์ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีการกำหนดโครงสร้างทางธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับการชำระหนี้และภาษี โครงสร้างของการทำธุรกิจโดยทั่วไปมักเป็นแบบเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วนและบริษัท โดยแต่ละโครงสร้างก็มีข้อกำหนดเรื่องกฎหมายและภาษีที่แตกต่างกัน 

หากไม่แน่ใจว่ารูปแบบโครงสร้างทางธุรกิจแบบไหนนั้นดีที่สุด ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพราะเรื่องของค่าใช้จ่ายนั้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและการรักษาไว้ซึ่งโครงสร้างทางธุรกิจ 

7.ใช้ประโยชน์การลดหย่อนภาษี

หากเราเป็นนักบริหารการเงินที่ดีก็หมายถึงเราจะเก่งในเรื่องการใช้ประโยชน์จากการเสียภาษีอย่างชาญฉลาดได้ด้วย กว่าร้อยละ 65 ของเจ้าของธุรกิจมีการใช้ประโยชน์จากการขอลดหย่อนภาษี  

ซึ่งการวางแผนภาษีก็เหมือนการเล่นเกม ที่เราต้องรู้จักเล่นให้เป็นก็จะมีประโยชน์ แต่หากเป็นนักธุรกิจมือใหม่ ควรหาที่ปรึกษาด้านภาษีมาช่วยแนะนำเพื่อการลงทุนในอนาคตที่ดียิ่งขึ้น
 
จะเห็นได้ว่าการเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่จะเก่งแค่เรื่องการผลิต การตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ควรมีทักษะในการบริหารการเงินร่วมด้วย นักธุรกิจที่ใช้เงินเป็นควบคุมเงินในธุรกิจตัวเองได้ จะเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ดีและเร็วขึ้น

บทความโดย: http://www.thaifranchisecenter.com

 1214
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์