วิธีวางแผนการเงินโบนัสก้อนใหญ่ปลายปี บริหารอย่างไรให้งอกเงยมากขึ้น?

วิธีวางแผนการเงินโบนัสก้อนใหญ่ปลายปี บริหารอย่างไรให้งอกเงยมากขึ้น?

ตามปกติบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานเป็นร้อยๆ ชีวิตทำงานอยู่ในองค์กรของตัวเอง โดยส่วนมากเมื่อถึงช่วงสิ้นปี บริษัทก็จะตอบแทนพนักงานทุกคนด้วยเงินก้อนหนึ่ง ที่เราคุ้นหูกันว่า “โบนัส” หรือในภาษาอังกฤษ เขาเรียกกันว่า Year-End Bonus พอบริษัทให้เรามา ก็เหมือนได้เงินเดือนปลายปีเพิ่ม แต่! บอกเลยว่าอย่าชะล่าใจกับเงินก้อนนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นปีก็คือ ห้างร้านต่างๆ ทำการเตรียมจัดโปรโมชั่นดึงดูดนักช้อปมือเติบทั้งหลาย ลดแลกแจกแถม โฆษณาสินค้าให้น่าดึงดูดจนเราอยากซื้อ แถมมันเป็นช่วงของการใช้จ่ายก่อนปีใหม่เพื่อมอบของขวัญ จับของขวัญ จัดงานปาร์ตี้ ฯลฯ พร้อมทำให้เงินโบนัสที่ได้มาสั่นสะเทือนหากใจไม่นิ่งพอ

สำหรับนักวางแผนการเงินที่ไม่อยากใช้จ่ายซ้ำรอยไปกับภาพเดิมๆ สิ้นปีทั้งที ตั้งเป้าอยากมีเงินเก็บ มีเงินงอกเงยจากโบนัสมากกว่าเอาไปถลุงกับความสุขในระยะสั้นจนทำให้เราเดือดร้อน หากใครคิดแบบนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอันชาญฉลาด เพราะหากวางแผนให้ดี มันก็ช่วยให้เรามีกำไร แล้วโบนัสปลายปี จะไม่สูญสลายไปกับสิ้นปี ด้วยคำแนะนำต่อไปนี้ที่คนอยากมั่นคงต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกันได้แล้ว

ประกันชีวิตก็สำคัญ ได้โบนัสมาทำไว้ไม่เสียหาย

อาจมีบางกลุ่มที่รู้สึกว่าประกันชีวิตเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป…แต่จริงๆ แล้วนี่คือสิ่งสำคัญไม่แพ้ไปกว่าการทำประกันอื่นๆ เลยทีเดียว คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับประกันสุขภาพที่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ แต่ในกรณีของประกันชีวิต หากมีโอกาสได้เงินโบนัสปลายปีแบบนี้ ในแผนการเงินก็ควรลิสต์ประกันชีวิตไว้บ้างสักหน่อย เพราะเงินส่วนนี้มันสามารถช่วยให้งอกเงยได้เหมือนกัน เพียงแค่เงื่อนไขจะเกิดขึ้นในระยะยาว เงินที่เอาไปลงทุนในส่วนนี้ อาจมีบางคนหมุนไม่ทันจนกลายเป็นเงินจม เอาออกมาใช้ก็ไม่ได้จนกว่าจะครบสัญญา คำแนะนำคือ ควรทำไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ส่วนข้อดีคือเราจะได้ส่วนของการลดหย่อนภาษีเข้ามาช่วย การนำเงินโบนัสท้ายปี ไปเริ่มทำประกันชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย จะจ่ายเบี้ยถูกว่าทำประกันตอนอายุมากแล้ว เผลอๆ ได้กรมธรรม์ไม่คุ้มเหมือนหนุ่มสาวอีกด้วย

ลงทุนในหุ้นตามวิถีมนุษย์เงินเดือน

หากได้โบนัสปลายปีมา อยากให้งอกเงยมากกว่าที่มี ลองวางแผนการเงินด้วยการเข้าไปเล่นหุ้นสักตัวในดวงใจที่อยากลงมานาน แต่ไม่มีทุนมาก่อนหน้านี้ ไม่ต้องเล่นหนักจนเสี่ยง ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้เราไม่มีความสุขในการเก็บออมเงิน โดยเราสามารถเริ่มต้นจากหุ้นตัวที่กระแสดีๆ ความเสี่ยงปานกลาง มีเงินปันผล หากถือนานไปสัก 7-14 ปี จากเงินก้อนแรกที่ลงไปอาจจะเพิ่มมูลค่าไปได้ถึง 2-3 เท่า การลงทุนนี้เราไม่ต้องไปกังวลว่าจะได้มากหรือน้อย ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง เพราะสิ่งที่เราได้คือเงินทบต้นทบดอกจากปันผลแบบง่ายๆ เราต้องอย่าลืมว่าเราไม่ใช่มืออาชีพที่จะหาเงินเป็นกอบเป็นกำจากหุ้น เราเพียงแต่จะเก็บออมเงินให้มูลค่ามันงอกเงยเท่านั้น

ลงทุนกับคอนโดสักห้องสำหรับคนกล้าเสี่ยง

ต้องบอกไว้ก่อนว่าหากคิดจะวางแผนการเงิน จากเงินโบนัสให้งอกเงยแบบที่ไม่กลัวความเสี่ยง แนะนำเป็นการเลือกลงทุนในคอนโด การลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จะมีความเสี่ยงสูง มีโอกาสขาดทุนได้ง่าย จึงเหมาะกับคนที่พร้อมรับมือกับความเสี่ยงด้วยแผนสองอยู่เสมอ หลักการก็คือให้เลือกคอนโดที่คาดว่าในอนาคตมันจะกลายเป็นแหล่งที่ตลาดต้องการ เน้นใกล้รถไฟฟ้า ย่านธุรกิจ ในส่วนนี้มักจะทำให้ราคาคอนโดในอนาคตสูงขึ้น สามารถขายต่อได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ส่วนข้อเสียถ้าหากผิดพลาดในอนาคต ขายใบจองไม่ได้ทัน จนโครงการสร้างเสร็จก่อน เราก็ต้องเริ่มผ่อน ต้องหาเงินดาวน์ ถ้าไม่มีเงินสด ก็ต้องกู้ธนาคาร มานั่งลุ้นอีกว่าถ้ากู้ไม่ผ่าน เงินดาวน์ ก็จะถูกหักไปแบบเสียเปล่านั่นเอง การลงทุนด้านนี้จึงต้องมีความรู้อยู่พอสมควร มือใหม่ที่ไม่ค่อยมีเงินเก็บ เน้นเลี่ยงไปลงทุนโบนัสให้งอกเงยด้วยวิธีอื่นจะดีกว่า

เอาจริงๆ แล้วเงินโบนัสปลายปี เป็นเหมือนรางวัลชีวิตที่เราควรได้รับเพื่อเอาไปใช้จ่ายหาความสุขให้ตัวเอง แต่ว่าหากนำไปวางแผนการเงินให้มันงอกเงยเพื่ออนาคต น่าจะดูดีกว่าไหม? เมื่อเทียบกับการใช้เงินโบนัสกี่ปีๆ ให้หมดไป ไม่งอกเงย เอาไปฉลอง เที่ยว ช้อปปิ้ง จนหมดตัว แล้วกลับมานั่งทำงานวนไปแบบพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิมแบบนี้ ถ้าใครไม่อยากใช้ชีวิตวนลูปไร้ความมั่นคงในอนาคตแล้วล่ะก็ เตรียมตัววางแผนการเงินสำหรับอนาคตด้วยเงินโบนัสปลายปีของตัวเองกันได้แล้ว แต่ถ้าอยากให้รางวัลชีวิตด้วย แบ่งสักส่วนหนึ่งออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็ทำให้เรามีความสุข แถมมีเงินเหลือเก็บได้เหมือนกัน

บทความโดย : https://wealthcare.krungthai-axa.co.th

 1119
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์