แยกกระเป๋ารายได้

แยกกระเป๋ารายได้

   รายได้นั่นเป็นของพี่แต่เงินทองนี้นั้นเป็นของน้อง เป็นสิ่งที่ได้ยินกับตาได้เห็นมากับหูโดยเฉพาะเวลาได้แวะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่ใช้ระบบภรรยาธิปไตยในการปกครอง ซึ่งหากว่าไปแล้วก็มีหลายครอบครัวที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านครอบครัวและด้านการเงิน เพราะฝ่ายหนึ่งก็มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาความรู้ความชำนาญ กลยุทธ์ในการหารายได้ สร้างกำไรและเงินสดให้เพิ่มพูน ขณะที่อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ดูแลจัดสรรนำเงินบริหารจัดการสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเองทั้งวันนี้และวันหน้า

 

                การบริการจัดการด้านการเงินง่ายๆ ในครอบครัวที่ได้ผลมักจะถูกละเลยเวลาที่หลายคนก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจ ทำให้หลายธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้านการตลาด การผลิต กลับต้องมีปัญหาด้านการเงินอย่างไม่น่าเชื่อเพราะนำเงินของกิจการมาใช้ส่วนตัวและเอาเงินส่วนตัวมาใช้        กิจการปนกันไปหมด พอเงินไม่พอใช้ก็เลยหาสาเหตุไม่ค่อยเจอว่ามาจากอะไร อีรุงนุงนังเหมือนลิงแก้แห

    วิธีง่ายๆ ในการจัดการทางการเงินคือแยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีกิจการ

                - เวลานำเงินมาลงทุนทำธุรกิจก็ให้ตัดเงินของเราออก และไปเพิ่มเงินของกิจการแทน

                - หากต้องการเงินใช้ส่วนตัวก็กำหนดเงินเดือน ค่าตอบแทนต่างๆ จากกิจการ และจ่ายชำระกันให้ครบถ้วน เงินของกิจการก็จะหายไป เงินส่วนตัวก็จะเพิ่มขึ้น

                - รายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นก็แยกบันทึกให้ชัดเจน

                - การซื้อทรัพย์สินของกิจการที่เกิดขึ้นก็นำไปบันทึกในกิจการ ส่วนการซื้อทรัพย์สิน จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ใช้เงินส่วนตัวอย่าไปปะปนกับกิจการ

                - หากนำทรัพย์สินส่วนตัวมาใช้ อาจจะเรียกเก็บค่าเช่าระหว่างกัน โดยเฉพาะกรณีที่ได้ทรัพย์สินมาโดยการเช่าซื้อ

                - หากเงินกิจการไม่พอ ก็สามารถนำเงินส่วนตัวมาสนับสนุนได้แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนดกันไว้

 หากไม่แยกกระเป๋าเงินให้ชัดเจน เวลาใช้ส่วนตัวก็จะหยิบเงินกิจการไปใช้ เวลาเงินกิจการไม่พอก็จะหยิบเงินส่วนตัวมาใช้ ไปๆ มาๆ อาจจะเป็นปัญหาได้ทั้งเจ้าของและกิจการ เพราะถลำตัวเข้ามาทำธุรกิจแล้วก็ต้องใส่ให้เต็มที่โดยไม่รู้หน้าตักของตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่นี้ทำได้และเป็นประโยชน์แน่สำหรับผู้ประกอบการทั้งหลาย

บทความโดย : http://msgconsultant.com

 

 

 1378
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์