วิธีที่จะทำให้เรามีอำนาจเหนือบัตรเครดิตนั้นเราจะต้อง “จ่ายครบและจ่ายตรงเวลา”
ถ้าเรามีบัตรเครดิต 1-2 ใบ ก็ยังจัดการได้สบายๆ แต่พอมีบัตรเครดิตใบที่ 3, 4, 5 ตามมา ชีวิตอาจเริ่มติดลบกันเลยทีเดียว เพราะ…
- งง!! ไม่รู้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะรูดเพลินเกินรายได้ ทำให้มีหนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
- ลืมวันจ่ายบัตร-จ่ายบัตรเลยกำหนด ทำให้เสียดอกเบี้ยแพงขึ้น และเสียเครดิตทางการเงิน
- ไม่รู้ว่าตอนนี้มียอดใช้จ่ายทุกบัตรรวมกันเท่าไหร่ ทำให้ประมาณรายจ่ายล่วงหน้าไม่ได้
- ใช้สิทธิประโยชน์จากบัตรได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าใช้บัตรใบไหนแล้วคุ้มค่าที่สุด
จริงๆ แล้วปัญหาข้างต้นนี้จัดการได้ไม่ยาก เพียงแค่เราจดวันที่ต้องจ่ายบัตรเครดิตแต่ละใบว่าต้องจ่ายวันไหนเมื่อไหร่บ้าง ซึ่งตอนนี้มีแอปมากมายที่สามารถช่วยจัดการเรื่องการเงินและทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เช่น แอปที่มีชื่อว่า “Piggipo” สามารถจัดการบัตรเครดิตหลายใบได้ในแอปเดียว ซึ่งตัวแอปได้รวม ‘การจดบัญชีรายรับ - รายจ่าย’ กับ ‘สรุปยอดการใช้บัตรเครดิตทุกใบ’ ให้มาอยู่รวมกันในที่เดียว ทำให้เราติดตามเงินเข้าออกได้ทุกบาททุกสตางค์ และวางแผนรายจ่ายในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างประโยชน์ของแอป Piggipo
- ใช้จดบัญชีรายรับ - รายจ่าย และเก็บข้อมูลการรูดบัตรเครดิตไว้ทั้งหมด ทำให้เรารู้ว่าใช้จ่ายอะไรและเท่าไหร่ รู้ว่าควรประหยัดค่าใช้จ่ายอะไรเพื่อจะได้มีเงินเหลือมากขึ้น
- มีการแจ้งเตือนวันที่จะต้องจ่ายค่าบัตรเครดิต ทำให้เราสามารถจ่ายค่าบัตรได้ตามกำหนดเวลา
- สรุปยอดชำระให้ว่า ตอนนี้เราจะต้องจ่ายค่ารูดบัตรแต่ละใบเท่าไหร่ รวมทั้งหมดแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วยังคำนวณได้ว่าถ้าต้องจ่ายขั้นต่ำหรือจ่ายไม่เต็มจำนวน เราจะต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้เพื่อให้เราวางแผนค่าใช้จ่ายในอนาคตได้ง่ายขึ้น
- ค้นหาได้ว่าบัตรเครดิตใบไหนใช้แล้วคุ้มค่ากับโปรโมชั่นร้านนี้ที่สุด รวมถึงแนะนำว่าควรใช้บัตรใบไหนที่จะทำให้เรายืดเวลาชำระบัตรช้าที่สุดได้อีกด้วย
หากมีหนี้บัตรเครดิตค้างจ่ายไปแล้ว ต้องจัดการอย่างไร?
มาถึงตรงนี้บางคนอาจเคยใช้บัตรเครดิตแบบไม่มีวินัย รูดบัตรเกินกำลังจ่าย อยากซื้ออะไรก็รูดทันทีโดยไม่ดูว่ายังมีหนี้เก่าค้างจ่ายหรือไม่ พอถึงวันกำหนดจ่ายก็ไม่มีเงินมาชำระหนี้ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มแก้ไขอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือใจเย็นๆ และเริ่มวางแผนจัดการกับหนี้ที่เรามีอยู่ เพราะหากเราตั้งใจจะปลดหนี้ให้หมดจริงๆ มันก็มีวิธีแก้ไข เช่น
- เจรจากับเจ้าหนี้: เปิดอกคุยกับเจ้าหนี้ (ธนาคาร) ว่าเรามีหนี้กับที่ไหนและเท่าไหร่บ้าง แล้วคิดว่าอนาคตกำลังจะไม่มีเงินจ่ายหนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รับรู้ปัญหาแล้ว จะได้ช่วยกันหาทางออกและวางแผนร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย
- รวมหนี้บัตรไว้ที่เดียว: การหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาโปะหนี้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูงถึง 18% ต่อปี ขณะนี้มีหลายทางเลือก เช่น รถ/บ้านแลกเงิน กู้เงินสหกรณ์ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งวิธีนี้เราจะต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และจะต้องตั้งใจหย่าขาดจากหนี้จริงๆ ไม่สร้างหนี้สินเพิ่มแล้วมีวินัยจ่ายหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อสร้างเครดิตที่ดีในอนาคตต่อไป
- ขายทรัพย์สิน: ทำให้ตัวของเราเบาที่สุด สะบัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เหลือแต่สิ่งที่ต้องใช้งานจริงๆ เท่านั้น เช่น ขายของใช้ส่วนตัว ขายเครื่องประดับของมีค่าเพื่อจะได้มีเงินมาชำระหนี้ได้เร็วขึ้น
แต่เราจะเลือกวิธีจัดการปัญหาเรื่องหนี้อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และข้อจำกัดของแต่ละคน
แต่ถ้าเราใช้บัตรเครดิตด้วยการวางแผนอย่างดีแล้วจะทำให้เกิดประโยชน์มหาศาลให้เราอย่างมาก ในทางกลับกันบัตรเครดิตนั้นก็เป็นดาบสองคม กลายเป็นพิษร้ายทำลายชีวิตให้ติดลบกับผู้ที่ไม่มีวินัยทางการเงิน หรือใช้จ่ายอย่างเกินตัวได้เหมือนกัน
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะจัดระเบียบบัตรเครดิตให้ดี แล้วใช้ชีวิตไปแบบฟินๆ หรือ จะใช้บัตรเครดิตแบบสนุกๆ จนชีวิตมีหนี้ท่วมหัว ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะ ว่าอยากมีชีวิตการเงินแบบไหน เพราะอย่าลืมว่าบัตรเครดิตไม่ได้ทำให้เราเป็นหนี้ แต่นิสัยการใช้เงินที่ไม่ถูกต้องของเราต่างหากที่ทำให้เราเป็นหนี้
บทความโดย: scb