วิธีการใช้เงินของคนที่มีความรุ่มรวยของคนยุคนี้ไม่ใช่การอวดรวยหรือโชว์สินค้าแบรนด์หรูแบบที่เราคุ้นชินหรือผ่านสายตาประเภทเซเลบ คนดัง ใส่นาฬิกาแบรนด์หรูพร้อมวางมือที่สวมใส่เครื่องประดับนั้นประทับบนพวงมาลัยรถหรูระยับคันงามอีกต่อไป
แทนที่จะเน้นใช้เงินผ่านการแสดงให้โลกรู้ถึงความเป็นอยู่ที่มีความหรูหราผ่านวัตถุของใช้ที่ประดับร่างกายหรือยานพาหนะ แต่คนที่ฐานะร่ำรวยในยุคนี้กลับใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยแทน อย่างที่เราจะได้เห็นเหล่าเซเลบแห่งวงการฮอลลีวูดยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อที่พักส่วนตัวบนยอดเขาที่ปกป้องตัวเองจากการถูกส่อง ถูกจับตาจาก Google Map หรือการบล็อคสัญญาณไม่ให้ GPS บอกพิกัดหรือเส้นทางของที่พักอาศัยตนเองได้
กรณีการปล้นที่อุกอาจที่สุดหากเราจำกันได้คือการที่คนร้ายปลอมตัวเป็นตำรวจอาวุธครบมือ 5 คน บุกปล้นเซเลบสาว คิม คาร์เดเชียนกลางที่พักหรู ณ กรุงปารีส สูญหายไปราว 400 ล้านบาทเมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา
การปล้นที่อุกอาจที่สุดหากเราจำกันได้คือการที่คนร้ายปลอมตัวเป็นตำรวจอาวุธครบมือ 5 คน บุกปล้นเซเลบสาว คิม คาร์เดเชียนกลางที่พักหรู ณ กรุงปารีส สูญหายไปราว 400 ล้านบาทเมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา
รายงานจาก Business Insider ระบุว่า ปีที่แล้วมีการทำห้องใต้ดินซึ่งใช้งบประมาณราว 185 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนบ้านที่ไม่มีห้องใต้ดินจะสร้างห้องนิรภัยใช้งบโดยรวมราว 500,000 เหรียญสหรัฐซึ่งเป็นเรื่องที่นิยมทำกันมากในหมู่คนรวยพอๆกับความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนที่เพิ่มมากขึ้นพอๆ กัน
ขณะเดียวกันเซเลบ หรือผู้มีฐานะร่ำรวยและโด่งดังหลายคนก็หมดเงินไปค่อนข้างเยอะสำหรับการรักษาพื้นที่ส่วนตัวและสร้างความปลอดภัยให้ตัวเอง บ้านหลายๆหลังก็ถูกซ่อนการค้นหาจาก Google street view ด้วยเช่นกัน
ชนชั้นนำรุ่นใหม่ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะให้ราคากับสถานะตัวเองในแง่การสร้างองค์ความรู้และการสร้างวัฒนธรรมทุนแบบใหม่ที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปในรูปแบบของการบริโภคผ่านสินค้าแบรนด์หรูอีกต่อไปแล้ว พวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนไปกับการสร้างสัญญะทางการบริโภคผ่านรูปแบบวัตถุนิยม แต่เน้นไปที่เรื่องการศึกษา การเกษียณอายุหลังการทำงาน สุขภาพ และการเคลื่อนไหวทางสังคม
บทความโดย:aommoney.com