นักลงทุนชื่อดังที่เป็นต้นแบบของนักลงทุนทั่วโลกอย่าง Warren Buffett, Peter Lynch หรือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นแกจากความรู้ความสามารถที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ นักลงทุนหลายท่านที่ประสบความสำเร็จมักมีคุณลักษณะและมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกัน ทำให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังและดีในระยะยาว ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักลงทุนทั่วไปอาจนำไปศึกษาและปฏิบัติตาม โดย 8 พฤติกรรมโดยสรุปของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมีดังนี้
นักลงทุนที่ดีจะศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นประจำ พวกเขาจะไม่หยุดเรียนรู้ เพราะการลงทุนจำเป็นต้องใช้ความเข้าใจในภาพใหญ่ รายละเอียด และการเชื่อมโยงของข้อมูล นักลงทุนที่มีความเข้าใจในองค์ประกอบจะมีความเข้าใจในการลงทุน และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ ซึ่งการอ่านหนังสือและการเรียนรู้จะช่วยพัฒนามุมมอง แนวความคิดของนักลงทุนให้เฉียบคมมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความรู้ยังสามารถสะสมมากขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเกิดจากการลงทุนที่มาจากความเข้าใจในตนเอง เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับตัวเอง อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่าง หุ้นสามัญ (Common Stocks) หากนักลงทุนมีความเข้าใจ และมีเวลาในการหาความรู้เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว ก็สามารถลงทุนได้แม้สินทรัพย์นั้นจะมีความเสี่ยงสูง รวมถึงวิธีการในการลงทุน หากนักลงทุนรู้จักตัวเองดีว่าเป็นคนที่ใจเย็นก็สามารถรอให้เงินลงทุนเติบโตทีละน้อยอย่างมั่นคงเป็นระยะเวลานานได้ แต่ถ้าหากเป็นคนใจร้อน และสนุกกับความท้าทายในความผันผวนของราคาสินทรัพย์ นักลงทุนอาจเลือกใช้วิธีเก็งกำไรเพื่อรับผลตอบแทนจากราคาที่เปลี่ยนไป (Capital Gain)
หากนักลงทุนรู้ว่าผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุน (Expected Return) เป็นเท่าไหร่ รู้ระดับความเสี่ยงที่ตนสามารถรับได้ (Risk Profile) และรู้ว่าสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงอยู่ในระดับใดบ้าง นักลงทุนก็สามารถจัดพอร์ตการลงทุน (Investment Portfolio) ที่เหมาะสมให้กับตนเองได้ เพราะความเสี่ยงจะถูกกระจายไปในสินทรัพย์หลากหลายชนิดที่เหมาะสม เช่น การเลือกลงทุนในหุ้นสามัญ 60% หุ้นกู้ภาคเอกชน 30% และฝากออมทรัพย์ 10% เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมถึงการมองหาโอกาสการลงทุนรูปแบบใหม่ที่นักลงทุนสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ เช่น ลงทุนใน Cryptocurrency ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน รวมไปถึง การลงทุนแบบ Peer to Business (P2B) ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนรูปแบบใหม่ (อ่านเกี่ยวกับ “การลงทุนใน P2B Lending”) ทั้งนี้ในทุกการลงทุนนักลงทุนควรศึกษาวิธีการลงทุน กฎเกณฑ์ และการกระจายความเสี่ยงให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุน
นักลงทุนที่เลือกสัดส่วนการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ที่เหมาะกับตนเองแล้ว จะยึดมั่นในนโยบายและวิธีการลงทุนซึ่งตนเองเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และลงทุนไปในสัดส่วนที่วางไว้อย่างเต็มที่ และจะไม่กระจายเงินลงทุนไปในสินทรัพย์ที่เลือกไว้อย่างกระจัดกระจาย
ไม่มีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนใดที่ไม่เคยผ่านข้อผิดพลาดมาก่อน ซึ่งความผิดพลาดจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพียงแต่เป็นความผิดพลาดแบบใหม่ที่เป็นบทเรียนให้นักลงทุน หรือเป็นความผิดพลาดแบบเดิมที่นักลงทุนไม่เรียนรู้จากมัน สิ่งที่สำคัญที่แยกแยะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จออกจากนักลงทุนทั่วไป ก็คือ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดนั้น และปรับปรุงไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง
ในโลกของการลงทุนจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจเข้ามาดึงดูดนักลงทุนอยู่เสมอ แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะเลือกลงทุนเฉพาะสิ่งที่ตนเองเข้าใจ เพราะขอบข่ายแห่งความชำนาญของนักลงทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นยังต้องเป็นคนที่มองหาโอกาสเป็น โอกาสในที่นี้คือโอกาสในการลงทุน โดยศึกษาเพิ่มพูนความรู้ในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้ตนเองเข้าใจและสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้อยู่เสมอๆ
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะมองเรื่องการลงทุนเป็นส่วนประกอบสำคัญในชีวิตประจำวันของตนเอง เหมือนอย่างที่ Warren Buffett อุดหนุนสินค้าของบริษัทที่ตนเองลงทุนอยู่ อ่านรายงานประจำปีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในเวลาว่าง และมักจะสังเกตการณ์สินค้าและบริการในชีวิตประจำวันเสมอ
ข้อนี้เป็นกฎสามัญที่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกยึดถือปฏิบัติ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนไม่ใช่การทำผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด แต่เป็นการรักษาเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่ง Warren Buffett ได้กล่าวอยู่เสมอว่า “ Rule No.1 : Never lose money, Rule No.2 : Never forget rule No.1”
บทความโดย:moneywecan