ถ้าเราอยากเห็นวิวสวยๆบนยอดเขาก็ต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อจะได้เห็นภาพมุมกว้างได้รอบทิศทาง การจัดระบบบัญชีเงินเดือนก็เช่นกัน หากเราต้องการรู้ว่าเงินเดือนของเราไปอยู่ที่ไหนบ้างในแต่ละเดือน เราก็จดทุกอย่างไว้ในทีเดียวกันเพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของเงินเดือนได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการปรับตัวได้ทันสถานการณ์ เช่น หากตอนนี้มีหนี้เยอะ ก็จะต้องปรับพฤติกรรมการใช้เงินให้เข้มงวดมากขึ้น
“ถ้าเราจัดการเงินจำนวนน้อยได้ดีแล้ว เราก็จัดการเงินจำนวนมากได้เช่นกัน”
ไม่ควรประวิงเวลาในการดูแลเงินของตนเอง ด้วยข้ออ้างว่าจะต้องมีเงินมากกว่านี้ก่อนหรือต้องทำให้หนี้สินหมดก่อนถึงจะเริ่มออมเงิน รับรองได้ว่าสุดท้ายเราก็ไม่ได้ออมเงินแน่นอน
สมการเงินออมของเดิม
รายได้ - เงินออม = รายจ่าย
ส่วนตัวมองว่ารายจ่ายหนึ่งที่ต้องเข้มงวดมากๆ คือ หนี้สิน ที่จำเป็นต้องจ่ายก่อนไปใช้จ่ายส่วนตัว หากนำมาผสมกันก็อาจจะทำให้สับสน นำเงินที่ต้องชำระหนี้มาใช้จ่ายส่วนตัวจนไม่มีเงินไปชำระหนี้ก็ได้ เราจึงแบ่งรายจ่ายออกมาเป็นสมการเงินออมอีกแบบหนึ่ง คือ
รายได้ - เงินออม - รายจ่ายหนี้สิน = รายจ่ายส่วนตัว
แนวคิดจากสมการเงินออม : เมื่อมีรายได้แล้วควรนำไปออมก่อน จากนั้นก็หักหนี้สินที่ต้องจ่ายออกไป สุดท้ายก็เหลือไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คือ รายจ่ายส่วนตัว โดยการแยกบัญชีเงินออมและรายจ่ายให้ชัดเจน ไม่ควรรวมไว้ในบัญชีเงินเดือนเพียงบัญชีเดียวเพราะเราจะสับสน อาจจะเผลอหยิบเงินออมมาใช้จ่ายนะจ๊ะ
เราแบ่งรายจ่ายเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
เราควรแบ่งบัญชีรายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อจะได้รู้ว่าขณะนี้ตนเองมีหนี้สินเท่าไหร่ ถ้ามีมากกว่าที่หาได้ก็ต้อง เริ่มระมัดระวังปรับพฤติกรรมการใช้เงินของตนเอง คือ ไม่ควรสร้างหนี้เพิ่มขึ้นหรือปรับลดรายจ่ายส่วนตัวให้น้อยลง เราสามารถแบ่งสัดส่วนเงินเพื่อจะได้เห็นภาพของรวมเงินเดือน ซึ่ง “ตัวอย่างวิธีจัดระบบเงินเดือน” ภาพข้างล่างนี้ เราสามารถเพิ่มหรือลดสัดส่วนของเงินออม รายจ่ายหนี้สินและรายจ่ายส่วนตัวได้ตามกรอบเงินเดือนของตนเองที่ได้รับในแต่ละเดือน ภาพตัวอย่างนี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เป๊ะ เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญควรมีเงินออมขั้นต่ำ 10% ของเงินเดือน
ขั้นตอนนี้จะเป็นการจับคู่ระหว่างเป้าหมายของเงินออมและแหล่งเก็บเงินตามระยะเวลา โดยเริ่มต้นที่เขียนเป้าหมายการเงินของตนเองออกมาก่อน โดยเริ่มจากคำว่า “อะไร เท่าไหร่ เมื่อไหร่” ตามระยะเวลาสั้น กลางและยาว แล้วเลือกแหล่งเก็บเงินตามเป้าหมายในระยะสั้น กลางและยาวเช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
แหล่งเก็บเงินตามระยะเวลา
รายจ่ายส่วนหนี้สินก็รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง เพราะจะมีใบเรียกชำระหนี้ส่งมาที่บ้าน เราก็จะรู้ว่าต้องชำระหนี้อะไรบ้าง ส่วนนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะเราควรเขียนออกมาว่ามีรายจ่ายหนี้สินอะไรและเท่าไหร่ เมื่อหักเงินส่วนหนี้ออกไปแล้วก็จะรู้ว่าตนเองเหลือเงินใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ รายการส่วนของรายจ่ายนี้ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน แนวคิดหลักเพียงต้องการให้เราเขียนแยกรายละเอียดให้ตนเองเข้าใจและเห็นภาพรวมของรายจ่ายแต่ละเดือนง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 ลงมือทำทำที!!
การสร้างบัญชีเงินเดือนขั้นเทพนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องใช้การลงมือทำ ลำพังแค่นั่งมโนคิดอย่างเดียวก็ไม่มีทางทำสำเร็จได้ อย่าพึ่งคิดว่าทำไม่ได้หากยังไม่ได้ลองทำนะจ๊ะ แล้วไม่ควรคิดว่า “เดี๋ยวค่อยทำ” เพราะส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำเลย
สรุปภาพรวมเงินเดือนได้ว่า...
บัญชีเงินออม ==> ตั้งเป้าหมายการออมโดยเลือกแหล่งเก็บเงินออมที่เรายอมรับความเสี่ยงได้และเข้าใจว่าลงทุนอย่างไร สร้างระบบแล้วทำอัตโนมัติทุกเดือน
รายจ่าย ==> เขียนรายจ่ายแต่ละเดือนของตนเองออกมา เพื่อจะได้รู้ว่าเดือนนี้ควรทำอย่างไร เช่น หากมีหนี้บัตรเยอะเกินไป แสดงว่าเดือนนี้ควรงดรูดบัตรเครดิตสร้างหนี้เพิ่ม หรือลดการสังสรรค์กับเพื่อนลงเพื่อจะได้ประหยัดมากขึ้นแนวคิดหลักของบทความนี้ คือ รู้จักเงินเดือนของเราได้ในกระดาษแผ่นเดียว เน้นว่าไม่จำเป็นต้องทำตามแบบนี้เป๊ะเพราะมันไม่ใช่สูตรสำเร็จ เราเขียนจากสิ่งที่ใช้กับตนเองเพื่อแบ่งปันให้คนอื่นนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
บทความโดย : https://aommoney.com