Leases คือ สัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งเกิดจากแรงจูงใจหลายประการ เช่น ใช้เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน การจัดโครงสร้างเงินทุน ซึ่งมีการเปรียบเทียบต้นทุนของการเช่าระยะยาวกับการซื้อ และผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แต่ในบทนี้เน้นในเรื่องของวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในรายงานทางการเงิน
ประเด็นที่น่าสนใจ
การจัดประเภทเป็น Leases
ตามมาตรฐานเก่าจะมีเงื่อนไขในการจัดเป็นสัญญาเช่าการเงินอยู่ 4ประการ (ต้องจัดเป็นสัญญาเช่าการเงินหากเข้าเงื่อนไขเพียงข้องใดข้อหนึ่ง) และหากไม่เข้าเงื่อนไขเหล่านั้นเลยให้จัดเป็นสัญญาเช่าดำเนินงาน
ตามมาตรฐานใหม่ เน้นว่าสัญญาเช่าที่ทำให้เกิดการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมดไปให้ผู้เช่าแล้วไม่ว่าในที่สุดจะมีการโอนกรรมสิทธิ์หรือไม่ก็ตาม ให้บันทึกการเช่านั้นเป็น สัญญาเช่าการเงิน
ผลกระทบจากการจัดประเภทเป็นสัญญาเช่าการเงิน
งบดุล - สัญญาเช่าการเงินจะทำให้สินทรัพย์และหนี้สินเพิ่ม
- อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ต่ำ เพราะสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
- ROA ต่ำ เพราะสินทรัพย์เพิ่ม
- เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ ( Working Capital ) จะต่ำลงเนื่องจากหนี้สินระยะสั้นเพิ่มขึ้น (แต่สินทรัพย์ที่เพิ่มอยู่ในระยะยาว)
- D/E จะ เพิ่มขึ้น เนื่องจากหนี้สินเพิ่มขึ้น
งบกำไรขาดทุน – จะมีกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าการบันทึกแบบสัญญาเช่าดำเนินงาน เพราะว่าค่าเสื่อมราคาจะมีจำนวนที่ต่ำกว่าค่าเช่าตามสัญญาเช่าดำเนินงาน
– ในช่วงแรกกำไรสุทธิจะต่ำกว่าสัญญาเช่าดำเนินงาน เพราะดอกเบี้ยจ่ายจะสูงมากในช่วงแรกๆและค่อยๆลดลง
อัตราส่วนทางการเงิน – Profitability ลดลง ( ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมสูงกว่าค่าเช่า )
– Interest coverage ratio ลดลง ( ดอกเบี้ยสูงขึ้น )
– ROE ลดลง ( กำไรลดลง )
– ROA ลดลง (กำไรลดลง และสินทรัพย์เพิ่ม )
งบกระแสเงินสด - สัญญาเช่าการเงินจะมี CFO มากกว่าสัญญาเช่าดำเนินงาน เพราะสัญญาเช่าดำเนินงานจะบันทึกค่าเช่าเป็น Cash outflow ใน CFO ทั้งหมดเลย แต่สัญญาเช่าการเงินจะบันทึกดอกเบี้ยบางส่วนไว้ใน CFO และบันทึกบางส่วนไว้ใน CFF
การวิเคราะห์การเปิดเผยสัญญาเช่า
บทความโดย : http://xn--12cfjb4gd5dd4a6b2cxaftl4pk4s.blogspot.com