ข้อจำกัดไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสของความสำเร็จ

ข้อจำกัดไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสของความสำเร็จ

  คนส่วนใหญ่ชอบมองว่าข้อจำกัดต่างๆ เป็นอุปสรรค อะไรก็ตามที่ฉันทำไม่สำเร็จก็เพราะมีข้อจำกัดมากมาย คงได้ยินกันประจำใช่ไหมครับ ทำโน่นไม่ได้ทำนี้ไม่ได้ เพราะว่าเวลามีจำกัด ก็ทำได้แค่นี้ งบประมาณไม่พอ คนไม่พอ ถ้ามีงบประมาณมากกว่านี้จะทำได้ดีกว่านี้อีก แต่อย่าลืมนะครับบางทีการที่มีทรัพยากรมากๆ อาจทำให้เราใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยไปก็ได้ เหมือนบางช่วงถ้าเรามีเงินพิเศษมาเราอาจใช้มันอย่างไม่คุ้มค่าเหมือนตอนที่เรามีเงินจำกัดและต้องใช้เงินอย่างประหยัดก็ได้

  จริงๆ แล้วการที่เรามีทรัพยากรน้อยหน่อยกลับเป็นเรื่องดีกว่าก็ได้ บางครั้งข้อจำกัดก็เป็นข้อได้เปรียบที่เราชอบมองข้าม การที่เรามีทรัพยากรไม่มากทำให้เราต้องสร้างงานจากสิ่งที่เรามีอยู่จำกัด จะปล่อยให้อะไรเสียเปล่าไปไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่บังคับเราให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแน่นอนความคิดต่างๆ จะได้มาเยอะกว่า เพราะถูกบังคับให้คิด

  สมัยผมมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ฮิตมาก คือ แม็คไกเวอร์ ยอดคนสมองเพชร ที่ใช้ความฉลาดและความคิดสร้างสรรค์ในการใช้สิ่งของที่มีอยู่รอบตัว ในการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์อันตรายต่างๆ ซึ่งมีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบ คือ ลวดหนีบกระดาษหนึ่งอัน ก็สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทำให้ได้บนข้อจำกัดที่มี

  การที่คุณจะคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือบริการใหม่ๆ บางทีเราก็มักจะคิดฟุ้งไปหมด พยายามจะยัดทุกอย่าง ทุกไอเดียใหม่ลงในผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ให้หมด ในคราวเดียว ซึ่งใช่ว่าผลลัพท์จะออกมาดี เพราะคนเราจะทำทุกอย่างให้ออกมาดีทั้งหมดไม่ได้หรอก เพราะเรามีข้อจำกัดเรื่องเวลา ทรัพยากรต่างๆ ความสามารถต่างๆ ดังนั้นการทำสิ่งน้อยๆ แต่ให้ออกมาดีน่าจะดีกว่า ดังนั้นข้อจำกัดต่างๆ บางทีก็เป็นเรื่องดีที่ช่วยเราตัดสิ่งต่างๆ ที่ฟุ้งเฟ้อออกไป ท้ายสุดกลับได้สินค้าหรือบริการที่ง่ายๆ ธรรมดา ไม่ซับซ้อนหรือเยอะไปสำหรับผู้บริโภค

  การที่มีข้อจำกัดต่างๆ อาจทำให้คุณต้องสละไอเดียที่ชอบไปบ้าง แต่กลับได้ผลลัพท์ที่ดีกว่า ตัดความฟุ้งเฟ้อในความคิดออกไปซะครึ่งหนึ่ง อย่างที่มีบางคนเคยกล่าวว่า ทำเสร็จครึ่งเดียวแต่เจ๋ง ดีกว่าทำเสร็จทั้งหมดแต่ห่วย หลายสิ่งหลายอย่างดูดีขึ้นเมื่อมันสั้นลง ผู้กำกับตัดหนังบางฉากทิ้งไป เพื่อให้ได้หนังที่ยอดเยี่ยม หรือนักดนตรียอมทิ้งเพลงดีๆ บางเพลงไป เพื่อให้ได้อัลบั้มรวมที่ยอดเยี่ยม นักเขียนบางคนทิ้งงานเขียนไปเป็นหลายหน้า เพื่อให้ได้หนังสือที่ยอดเยี่ยม ถ้าไม่มีการตัดบางส่วนทิ้งไปบ้าง อาจจะไม่ได้ผลงานที่ดีก็ได้ (เพราะมันเยอะไป) ถ้าไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาของหนัง เวลาของอัลบั้ม จำนวนหน้าทั้งหมดของหนังสือ เราจะไม่มีวันตัดอะไรออกไปหรอก เพราะเราเองก็เสียดาย แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้เราต้องตัดใจ แต่ท้ายสุดกลับออกมาดี เห็นข้อดีของข้อจำกัดหรือยังครับ

  บางครั้งการที่เราจะเริ่มต้นอะไรใหม่ หรือเริ่มธุรกิจใหม่ การที่เรามีข้อจำกัดบ้างก็ดี จะได้ไม่ฟุ้งเกินไปจนทำให้เราลืมแก่นแท้ของมัน เช่น เมื่อเราจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ ความสนใจของเราจะถูกแบ่งไปหลายเรื่อง มีทั้งสิ่งที่เราทำได้ สิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่เราต้องทำ การที่เราไม่มีทรัพยากรต่างๆ อย่างเหลือเฟือ หรือการที่เรามีข้อจำกัดบ้าง มันก็จะเป็นตัวบังคับให้เราตัดเรื่องฟุ้งๆ ที่ไม่ใช่แก่นของเรื่องออกไปได้

  ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากเปิดร้านกาแฟหนึ่งร้าน เราอาจจะกังวลไปหลายเรื่อง เช่น ชื่อร้าน เก้าอี้ที่จะนั่ง รูปภาพที่จะแขวนในร้าน สวนบริเวณรอบๆ ร้าน แต่จริงๆ แล้วสิ่งแรกที่เราต้องกังวลคือ เมล็ดกาแฟ เครื่องชงกาแฟ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นแก่นของการขายกาแฟ ส่วนเรื่องที่เหลืออื่นๆ เป็นเรื่องรอง

  วิธีการหาแก่นของธุรกิจของเรา คือ ให้ถามตัวเองว่า ถ้าเราตัดส่วนนั้นออกไป เราจะยังขายสิ่งที่เราต้องการได้หรือไม่ ร้านขายกาแฟจะเป็นร้านขายกาแฟไม่ได้ ถ้าไม่มีเมล็ดกาแฟ กับเครื่องทำกาแฟ แต่เราอาจจะไม่มีสวนรอบร้านสวยๆ ได้ อาจจะไม่มีรูปภาพที่ประดับในร้านได้ อาจจะยังไม่มีชื่อร้านก็ยังขายกาแฟได้ หรือเอาแบบเว่อร์ๆ เลยว่าถ้าคุณไม่มีน้ำแข็งคุณยังขายกาแฟร้อนได้เลย แต่คุณจะขายกาแฟไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่มีเมล็ดกาแฟและเครื่องทำกาแฟ

  ดังนั้นคิดให้ออกว่า แก่นของคุณคืออะไร ส่วนไหนที่สามารถตัดออกได้ ถ้ายังสามารถทำตามที่ตั้งใจได้เมื่อตัดส่วนนั้นออก ก็แสดงว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่แก่นของสิ่งที่คุณจะทำ เมื่อพบแล้วก็ทำสิ่งนั้นให้ดี ทุ่มเทกับสิ่งนั้น จากตัวอย่างควรที่จะไปทุ่มเทเพื่อให้ได้มาซึ่งเมล็ดกาแฟที่ดี เครื่องทำกาแฟที่ดีๆ หน่อย ดังนั้นการที่คุณมีงบประมาณจำกัด ก็อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ เพราะคุณก็จะต้องใช้เงินไปในสิ่งที่จำเป็นก่อน หรือทำให้คุณนึกถึงแก่นของที่คุณจะทำก่อน ซึ่งมันก็จะช่วยตัดเรื่องสวน เรื่องรูปภาพสวยๆ ตกแต่งร้านออกไปก่อนโดยปริยาย

  คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหลงประเด็นไปให้ความสำคัญกับเครื่องไม้เครื่องมือมากกว่า แทนที่จะคิดว่าจะเอาเครื่องไม้เครื่องมือนั้นไปทำอะไรได้บ้าง ยกตัวอย่างกีฬากอล์ฟ นักกอล์ฟที่เพิ่งหัดเล่นอาจจะมองหาไม้กอล์ฟราคาแพง ที่คิดว่าจะช่วยให้ตีได้ง่าย แต่สิ่งที่สำคัญมันอยู่ที่วงสวิงของคุณเอง ไม่ใช่ไม้กอล์ฟ ถ้าลองเอาไม้กอล์ฟราคาถูกๆ ไปให้ไทเกอร์ วูดส์ ตี เขาก็ยังตีได้ดี หรือเอาไม้กอล์ฟที่แพงที่สุดมาใช้ ถ้าวงสวิงไม่ดีก็ตีไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นการที่มีงบประมาณในการซื้อไม้กอล์ฟจำกัด ก็เป็นข้อดีที่เราไม่ต้องไปหมกมุ่นเรื่องไม้กอล์ฟดีๆ แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาซ้อมวงสวิงให้ดี

  ในทางธุรกิจ คนส่วนใหญ่ชอบหมกมุ่นอยู่กับอุปกรณ์ โปรแกรมการทำงานใหม่ๆ ออฟฟิศที่กว้างๆ เฟอร์นิเจอร์ที่สวยๆ และเรื่องจุกจิกอื่นๆ อีกมากมาย แทนที่จะสนใจในสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ การหาลูกค้าและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ โดยสรุปข้อจำกัดด้านทรัพยากรต่างๆ ที่เรามี จริงๆ แล้วมันช่วยบังคับเราให้ทำในเรื่องที่ควรทำ และบังคับให้เราต้องทำเท่าที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ก่อนที่จะบ่นว่า “ไม่พอ” ลองพยายามสำรวจตัวเองก่อนว่าเราทำอะไรได้มากพอหรือยังจากสิ่งที่เรามีอยู่

บทความโดย : กำพล สุทธิพิเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย

 763
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์