หัวเว่ยชี้ จุดเปลี่ยนสำคัญของไทย ต้องเริ่มต้นจากการใช้งานเชิงพาณิชย์ 5G แนะ 3 ภาคส่วนร่วมมือ โดยเฉพาะการใช้ เอไอ และคลาวด์ ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในงาน สัมมนา “5G The New Beginning พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย” ว่า เทคโนโลยี 5G จะสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมทั้งหมด โดยเน้นย้ำว่า 5G จะสำเร็จได้ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ อุตสาหกรรม และประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ในส่วนของภาครัฐ ควรส่งเสริมการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการมาตรการภาษี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไอซีที และการสนับสนุนทางด้านกฎหมายที่เอื้อต่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 5G
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ควรร่วมมือกันสนับสนุนการลงทุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอีโคซิสเต็มให้รองรับ 5G ซึ่งจะช่วยเร่งให้ภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในส่วนของภาคประชาชน มุ่งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ เช่น 5G, คลาวด์ และ เอไอ ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำรงชีวิต เช่น ธุรกิจค้าปลีกอัจฉริยะ การแพทย์อัจฉริยะ การศึกษาอัจฉริยะ
“หัวเว่ยมองว่าปี 2563 จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศไทย เพราะเทคโนโลยี 5G กำลังจะมา และจะมีการใช้งานในเชิงพาณิชย์ในปีหน้า” นายอาเบล เติ้ง กล่าว
การมาของ 5G จะส่งผลให้เข้าสู่ยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงถึงกัน ทุกอุปกรณ์จะเชื่อมโยงและสื่อสารกันผ่านระบบเซนเซอร์ และทุกสิ่งจะก้าวเข้าสู่ความเป็นอัจฉริยะ
นายอาเบล เติ้ง ยังคาดการณ์ว่า 5G จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับโลก มูลค่ากว่า 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างอาชีพใหม่กว่า 20 ล้านอาชีพภายในปี 2568 โดยปัจจุบันเมืองสำคัญหลายแห่งทั่วโลกได้นำเทคโนโลยี 5G มาใช้แล้ว เช่น กรุงลอนดอน ซูริค กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หางโจว มิลาน กรุงเบอร์ลิน โดฮา บาร์เซโลนา โดยมีโอเปอเรเตอร์กว่า 60 ราย จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่เปิดตัวการใช้ 5G ในเชิงพาณิชย์
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่เทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทแน่นอน คือ การขนส่งเดินทาง ภาคการผลิต อุตสาหกรรมเกม และโลจิสติกส์ ตัวอย่างกรณีการใช้งานจริงในประเทศต่างๆ ยังสร้างความเป็นไปได้ในหลากหลายด้าน เช่น ในเกาหลีใต้ มีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มมากขึ้นเป็น 3.5 ล้านราย ภายใน 6 เดือน โดยส่วนใหญ่ใช้ใน วีอาร์ และ เออาร์ ที่มอบประสบการณ์เสมือนจริงที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน หัวเว่ยได้ร่วมมือกับโทรคมนาคมในประเทศจีน นำเทคโนโลยี 5G เข้ามายกระดับการขนส่งในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบรถบรรทุกไร้คนขับแทนรถบรรทุกทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เร็วยิ่งขึ้น
“ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องเปลี่ยนวิธีคิด แล้วร่วมมือกันผลักดันประเทศไทยสู่โลกดิจิทัล นำนวัตกรรมด้านดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร และพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะตามมา” นายอาเบล เติ้ง กล่าวปิดท้าย
ที่มา : https://www.thebangkokinsight.com/258768/
รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/16128