หน้ากากอนามัยที่เราสวมกันอยู่นี้ มีความสามารถในการป้องกันที่ไม่เหมือนกัน มาดูว่าหน้ากากแต่ละประเภทใช้ป้องกันอะไรบ้าง แล้วเราควรเลือกใช้แบบไหนในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
ในบทความนี้ได้แบ่งการเลือกใช้หน้ากากอนามัย ตามความสามารถในการป้องกัน ออกเป็น 3 สถานการณ์ที่เราพบเจอกันอยู่ ณ ปัจจุบัน
ในช่วงที่อากาศมีมลพิษค่อนข้างสูง เนื่องจากควันไฟ ไอเสียรถยนต์ หรือแม้แต่ PM 2.5 ต่างก็ส่งผลให้อากาศเสีย การสูดดมโดยตรงในระยะเวลานานจะส่งผลเสียให้กับร่างกายได้
การสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้า ตอบโจทย์ในเรื่องการกรองอนุภาคจากฝุ่นหรือควันขนาดเล็กได้ดี มีหลายรูปแบบและดีไซน์ให้เลือกใช้ หาซื้อได้ง่ายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วย
การต้องไปในที่ที่มีคนแออัด ไม่ว่าจะเป็น รถบริการสาธารณะ รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ตลาด ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆ ในช่วงที่มีการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางลมหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหวัดเล็กๆ ไปจนถึงโรคติดต่อทางลมหายใจที่ยังควบคุมไม่ได้ เช่น COVID-19
การสวมหน้ากากอนามัยแบบใยสังเคราะห์ 3 ชั้น หรือหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปที่เราหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายขา จะมีการเคลือบสารป้องกับเชื้อโรคอยู่ โดยสวมใส่ให้หันด้านที่มีสารเคลือบออกด้านนอก
เราเห็นกันแล้วว่า จะมีช่วงที่มีคนเป็นหวัด ไอ จาม จำนวนมาก หรือรุนแรงไปจนถึงโรคติดต่อที่ยังควบคุมไม่ได้ เกิดขึ้นพร้อมกับมลพิษทางอากาศอย่าง PM 2.5 ก็มีหน้ากากอนามัยที่ถูกผลิตมาตอบโจทย์สถานการณ์นี้อยู่คือ N95
หน้ากากประเภทนี้จะมีราคาที่สูงกว่าทั้ง 2 ประเภทแรก มีการใช้งานที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่า แต่ประสิทธิภาพป้องกันดีกว่า
อย่าละเลยการสวมหน้ากากอนามัยไปในที่สาธารณะ และหมั่นติดตามคุณภาพของอากาศอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของเราเอง นอกจากนี้แล้วการพกเจลล้างมือ หรือทิชชูเปียก ก็ช่วยให้เสริมสร้างเกราะป้องกันเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน
ที่มา : Link
รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/16128