บริหารสถานะการเงินอย่างไรในยุคโควิด-19 เมื่อต้อง Work from Home

บริหารสถานะการเงินอย่างไรในยุคโควิด-19 เมื่อต้อง Work from Home

 ณ เวลานี้ ชีวิตของหลายๆ คนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กันไม่มากก็น้อย หลายคนมีรายได้ลดลงและต้องใช้ชีวิตในบ้านเพื่อฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน เราลองมาสำรวจกันหน่อยว่าจะมีเทคนิคการจัดการเงินอย่างไร และหลังจากเหตุการณ์นี้เราสามารถวางแผนการเงินยามฉุกเฉินกันอย่างไร

1. สำรวจค่าใช้จ่ายในวันที่ต้อง WFH ตัดรายจ่ายไม่จำเป็น ลดการช้อปปิ้งออนไลน์

     การทำงานอยู่บ้านหรือ Work from Home นั้น ข้อดีคือมี ‘รายจ่ายบางอย่างที่หายไป’ เช่น ค่าเดินทาง ค่ากาแฟ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็อาจจะมี ‘รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น’ เช่น ค่าไฟ ซึ่งเราจะสามารถหาวิธีลดการใช้ไฟต่อไป

     เรื่องต่อมาที่อยากให้แยกแยะออกมาคือ ‘รายจ่ายที่เราลดได้’ เช่น ใครที่สมัครสมาชิกฟิตเนสแล้วจ่ายเป็นรายเดือนเอาไว้ก็ให้ยกเลิกไปก่อน หรือแม้กระทั่งการช้อปปิ้งออนไลน์ ช่วงเวลาที่เราเบื่อหรือเครียดจากการเสพข่าวอาจทำให้หลายคนคลายเครียดด้วยการซื้อของ ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ช่วงเวลาที่อารมณ์ของเราไม่นิ่งเรียกว่า Hot State หรือช่วงร้อน เช่น อารมณ์อยากได้ ของมันต้องมี และต้องซื้อเดี๋ยวนี้ ฯลฯ เทคนิคหนึ่งที่ทำได้คือการเลือกของที่อยากได้ใส่ตะกร้าเอาไว้ก่อนในเวลากลางคืนแล้วค่อยมาส่งคำสั่งซื้อตอนเช้า ซึ่งจะช่วยทำให้เราตัดสินใจซื้อของได้อย่างมีสติมากขึ้น

2. ของฟรีมีอยู่จริง กิจกรรมยามว่างคลายเบื่อที่ไม่ต้องควักเงิน

     เรื่องต่อมาที่ควรทำในช่วงนี้คือการลองหา ‘กิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เงินมาก’ ปัจจุบันมีของฟรีที่เราสามารถหาได้จากโลกออนไลน์ เช่น สายสุขภาพสามารถหาคลิปออกกำลังกายมาเปิดและทำตาม สายรักการเรียนรู้ก็สามารถใช้เวลานี้หาคอร์สเรียนออนไลน์ซึ่งมีเปิดให้เรียนฟรีจำนวนมาก ส่วนสายธรรมะก็มีคลิปธรรมะดีๆ มากมายให้เราได้เปิดฟังจากยูทูบ

     การใช้ชีวิตแบบรักษาระยะห่างหรือ Social Distancing ทำให้เราห่างกัน ซึ่งในยามที่เราต้องห่างจากเพื่อนสนิทและญาติมิตร เราสามารถใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันต่างๆ ในการประชุมสายคุยกันหลายๆ คน อาจจะหาเกมมาเล่นร่วมกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราแทบไม่ต้องใช้เงินเพิ่ม (นอกจากค่าอินเทอร์เน็ตและค่าไฟ) และยังดีต่อใจอีกด้ว

     สำหรับคนที่ตกงาน เวลานี้นับเป็นเวลาที่ลำบาก การหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือการลองสำรวจความสามารถที่มี เช่น การทำขนม และขายออนไลน์แบบพรีออร์เดอร์ให้คนรู้จักกันก่อนในวงเล็กๆ ก็สามารถแก้วิกฤตนี้ได้

3. เงินออม คลังส่วนตัวที่ขาดไม่ได้หลังผ่านยุคโควิด-19

     ในวิชาการเงินส่วนบุคคล เรามักจะแนะนำให้ออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอยู่ที่ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย เช่น ถ้าใช้เงินเดือนละ 10,000 บาท ก็ออมได้ตั้งแต่ 30,000-60,000 บาท แล้วถ้าไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินก็อย่าไปหยิบมาใช้ ซึ่งสาเหตุที่ใช้เลข 3-6 เดือนก็เพราะว่าหากตกงานหรือประสบอุบัติเหตุ โดยเฉลี่ยก็จะใช้เวลาในการหางานใหม่หรือฟื้นฟูจนกลับไปทำงานได้ภายในช่วงเวลานั้น

     การออมเงินเป็นวินัยอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกทำให้เป็นนิสัย หากใครรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจก็ต้องทำให้การออมเป็นอัตโนมัติ โดยการตั้งให้ระบบโอนเงินเข้าบัญชีเงินออมทุกเดือน และหากใครรู้ว่าเป็นคนควบคุมตัวเองเวลาช้อปปิ้งไม่ค่อยได้ ก็ต้องออมเงินในบัญชีที่ถอนเงินออกมายากๆ เช่น บัญชีเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาห้ามถอน

     เมื่อเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติ การออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินจะเป็นเงินก้อนที่ทำให้เรามีแหล่งเงินสำรองเพียงพอที่จะต่อลมหายใจในวันที่วิกฤตมาเยือนได้

ที่มา : Link

รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/16128

 894
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์