• หน้าแรก

  • BLOG myAccount Cloud

  • ธนาคาร USA ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเป็น 5 เท่า แล้วธนาคารไทยจะเป็นอย่างไร?

ธนาคาร USA ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเป็น 5 เท่า แล้วธนาคารไทยจะเป็นอย่างไร?

  • หน้าแรก

  • BLOG myAccount Cloud

  • ธนาคาร USA ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเป็น 5 เท่า แล้วธนาคารไทยจะเป็นอย่างไร?

ธนาคาร USA ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเป็น 5 เท่า แล้วธนาคารไทยจะเป็นอย่างไร?

        สถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งเราก็อาจจะนำมา ประเมินสถานการณ์คร่าวๆ กับธนาคารในประเทศไทยที่กำลังจะทยอย ประกาศผลประกอบการตามมาเร็วๆ นี้

        กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ออกมาประมาณการเศรษฐกิจโลกว่า ปีนี้เรามีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Great Depression ปี 1930 หรือ 90 ปีก่อน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าเหตุการณ์โควิด-19 กำลังเป็นอุปสรรคต่อทุกธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่หากบริษัทไม่สามารถผ่านบททดสอบครั้งนี้ได้ไม่ว่าใครก็มีโอกาสล้มละลายในระดับที่เท่าๆ กัน แน่นอนว่าผู้แบกรับการล้มลงของธุรกิจเหล่านี้ก็คือ สถาบันการเงิน ที่ได้ปล่อยเงินกู้ยืมให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ

        หลังจากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศผลประกอบการ สรุปได้ว่า รายได้ มีบวกบ้าง ลบบ้าง แต่ “กำไร” ของทุกธนาคารหายไปอย่างมีนัยสำคัญ Wells Fargo กำไรลดลง 89% JPMorgan กำไรลดลง 72% Citigroup กำไรลดลง 46% Bank of America กำไรลดลง 45% U.S. Bancorp กำไรลดลง 31% ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าหลายธนาคารในสหรัฐอเมริกากำลังกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (Loan Loss Provision) ในระดับที่ไม่เป็นปกติ ระดับไม่ปกติที่ว่าคือ สถาบันเหล่านี้กันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวมกัน 1.84 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น ถ้าสถาบันการเงินสำรองน้อย เราก็อาจตีความได้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังสุขภาพดี ถ้าสถาบันการเงินต่างสำรองกันมาก เราก็อาจตีความได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะแย่ลง เมื่อการกันสำรองเป็นค่าใช้จ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ กำไรของ 5 สถาบันการเงินใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดิ่งเหวลงทันที

        เมื่อตัวเลขสหรัฐอเมริกาออกมาแบบนี้แล้วเรามาดูแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับผลประกอบการของธนาคารในประเทศไทยที่กำลังจะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 เร็วๆ นี้ ธนาคารในประเทศไทยอาจจะไม่ได้มีกำไรลดลงจากการตั้งสำรองเหมือนกับธนาคารในสหรัฐเพราะว่าเรายังมีมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น มาตรการช่วยเหลือประชาชน 

        - บัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสด ผ่อนขั้นต่ำเหลือ 5% จาก 10%
        - สินเชื่อส่วนบุคคล เลื่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน
        - สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน เลื่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือนหรือพักชำระเงินต้น 6 เดือน มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท
        - พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท
        - สินเชื่อ Soft Loan ดอกเบี้ย 2% ต่อปี นาน 2 ปี ฟรีดอกเบี้ย 6 เดือนแรก

        จากมาตรการเหล่านี้ อาจทำให้ลูกหนี้ยังมีกำลังที่จะผ่อนจ่ายได้ โดยที่ธนาคารไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองเป็นจำนวนมากเหมือนกับธนาคารในสหรัฐแต่เมื่อลูกหนี้ผ่อนขั้นต่ำลดลง หรือพักชำระดอกเบี้ย นั่นเท่ากับว่า รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารประเทศไทยไตรมาสนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตน้อยลงและจะมีปัญหามากขึ้นในไตรมาสที่ 2 ปีนี้นอกจากนั้น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตลดลงเช่นกันเนื่องจากการปิดสาขาธนาคารจำนวนมากในห้าง ทำให้ธนาคารไม่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้ เช่น ค่าธรรมเนียมธุรกรรมทางการเงิน ค่านายหน้าขายประกัน และค่านายหน้าซื้อหน่วยลงทุน นอกจากผลกระทบต่อรายได้แล้ว อีกเรื่องสำคัญก็คือการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ที่ไม่เป็นหนี้เสีย ให้จัดเป็นลูกหนี้ปกติโดยไม่ต้องรายงานสถานะเป็นลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย ให้เลื่อนขั้นเป็นลูกหนี้ปกติได้ หากชำระหนี้ได้ 3 เดือนหรือ 3 งวดติดต่อกัน (จากเดิม 12 เดือน)
       
        เรื่องนี้จะส่งผลโดยตรงไปยังมูลค่าการกันเงินสำรองเพื่อรองรับผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากสินทรัพย์และภาระผูกพัน เช่น เงินให้สินเชื่อ ที่แต่ละธนาคารอาจจะมีมุมมองการตั้งสำรองที่แตกต่างกัน บางธนาคารอาจจะกันสำรองแบบอนุรักษ์นิยมเพื่อประมาณการผลกระทบที่แย่สุดไว้ล่วงหน้า ในขณะที่บางธนาคารอาจกันสำรองไว้บางส่วน และมีเทคนิควิธีการ เพื่อรักษาระดับกำไรให้ไม่ติดลบจนเกินไป ดังนั้นสิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ การเปลี่ยนแปลงของกำไรแต่ละธนาคารอาจดีหรือไม่ดีแตกต่างกันไป โดยที่ตัวเลขเหล่านั้นอาจไม่สะท้อนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง ณ ปัจจุบัน ได้เลย เพราะแม้แต่ตัวธนาคารเอง ก็ไม่รู้ว่ากิจการที่ให้สินเชื่อไป ในอนาคตจะอยู่รอดจากวิกฤตินี้ได้หรือไม่ และก็ไม่รู้ว่าควรจะสำรองมากน้อยแค่ไหน

ที่มา : Link

รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/16128

 658
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์