ผู้ที่คิดค้นทฤษฎี Black Swan ขึ้นมาคือ Nassim Nicholas Taleb นักคณิตศาสตร์ และนักซื้อขายหุ้น ชาวเลบานอน เขาเขียนหนังสือ The Black Swan: The Impact of the Highly Improbable ในปี 2007 ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 12 หนังสือทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ก่อนหน้านั้น Nassim Nicholas Taleb เคยทดสอบทฤษฎีนี้กับการลงทุนมาแล้วหลายปีก่อน เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และได้พบกับลูกศิษย์ชื่อ Mark Spitznagel Mark Spitznagel นั้นเคยทำงานอยู่ธนาคาร ซึ่งต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็น วิกฤติการเงินในเอเชียปี 1997 และวิกฤติการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัสเซียปี 1998 ด้วยเหตุนี้ ตอนเรียนต่อปริญญาโทในคลาสของ Nassim Nicholas Taleb เขาจึงมีความสนใจเรื่องของ Black Swan เป็นอย่างมาก
ในปี 1999 ทั้งคู่ร่วมก่อตั้งบริษัทกองทุนชื่อ Empirica Capital โดยมีหลักบริหารจัดการทรัพย์สินคือ การเตรียมตัวเพื่อรับมือวิกฤติที่ไม่คาดฝันโดยเฉพาะ ปรากฏว่า หลังจากนั้นไม่นานตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดฟองสบู่ดอตคอม จากการเก็งกำไรในบริษัทอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ที่ร้อนแรงเกินกว่าพื้นฐานการดำเนินงาน ส่งผลให้ Empirica Capital สร้างกำไรทันที 60% อย่างไรก็ตาม กองทุนได้ปิดตัวลงในปี 2005 เนื่องจาก Nassim Nicholas Taleb มีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งต้องการไปทำงานด้านวิชาการแทน
ขณะที่ Mark Spitznagel ตัดสินใจเปิดบริษัทกองทุนของตัวเองในปี 2007 ชื่อว่า Universa Investments โดยได้เชิญอาจารย์ Nassim Nicholas Taleb มานั่งเป็นตำแหน่งที่ปรึกษา และแน่นอนว่า เขายังคงใช้หลักการแบบเดิม มาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะสงสัยว่า กองทุนที่เตรียมตัวเจอเหตุการณ์ Black Swan ที่นานทีจะมีครั้ง กองทุนนี้มีวิธีการลงทุนอย่างไร?
Universa Investments จะซื้อสิทธิในการขายหุ้น หรือ Put Option ที่มีอายุสัญญาระยะสั้น เพื่อคอยป้องกันความผันผวนของตลาด ดังนั้นหากตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น กองทุนก็จะขาดทุนส่วนต่างราคาไปทีละน้อย เหมือนกับการจ่ายค่าประกันความเสี่ยงไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น ราคาทรัพย์สินจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง สวนทางกับ Put Option ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น คุ้มค่าเกินกว่าผลขาดทุนสะสมอยู่หลายเท่าตัว