ระยะเวลาการให้สินเชื่อ (Credit Term) หมายถึง ข้อกำหนดช่วงเวลาที่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการกำหนดขึ้น
เพื่อระบุระยะเวลาที่ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการหลังจากได้รับสินค้าหรือบริการแล้ว โดยทั่วไป Credit Term
จะระบุเป็นจำนวนวัน เช่น 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งการให้สินเชื่อ Credit Term
เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญที่ใช้ในการกระตุ้นเพิ่มยอดขาย เพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงในเรื่องของการขาดสภาพคล่องหากลูกค้าไม่ชำระเงินตามกำหนด
ความสำคัญของระยะเวลาการให้สินเชื่อ
การกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการกระแสเงินสดของธุรกิจ ธุรกิจต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของตนเอง
รวมถึงความสามารถของลูกค้าในการชำระเงิน หากให้ระยะเวลาการชำระเงินนานเกินไป ธุรกิจอาจขาดเงินทุนหมุนเวียนได้ แต่หากระยะเวลาสั้นเกินไป
ลูกค้าอาจไม่สะดวกที่จะทำธุรกิจด้วย ซึ่งสามารถแบ่งความสำคัญของระยะเวลาการให้สินเชื่อเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. สำหรับผู้ขาย
การกำหนด Credit Term มีความสำคัญในการช่วยกระตุ้นยอดขายและเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ แม้ยังไม่ต้องชำระเงินในทันที ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกค้ามีข้อจำกัดเรื่องกระแสเงินสด อย่างไรก็ตามผู้ขายจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการให้สินเชื่อ เช่น ความสามารถในการชำระเงินของลูกค้า และการจัดการหนี้สินคงค้าง
2. สำหรับผู้ซื้อ
Credit Term ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าสามารถนำสินค้าที่ซื้อไปจำหน่ายหรือใช้งานก่อน และชำระเงินในภายหลัง ทำให้ลูกค้ามีเวลาบริหารกระแสเงินสดหรือจัดการกับรายได้ที่จะเข้ามา
ประเภทของระยะเวลาการให้สินเชื่อ
Credit Term สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ตามเงื่อนไขการชำระเงิน ดังนี้
รูปแบบนี้เป็นการกำหนดระยะเวลาชำระเงินภายใน 30, 60 หรือ 90 วัน ตามที่ระบุในใบแจ้งหนี้ ตัวอย่างเช่น n/30 หมายถึง
ลูกค้าต้องชำระเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้
เป็นเงื่อนไขที่ผู้ขายเสนอส่วนลดให้กับลูกค้าที่ชำระเงินภายใน 10 วัน โดยส่วนลด 2% จากราคาที่ต้องชำระเต็มจำนวน
แต่ถ้าลูกค้าไม่ชำระภายใน 10 วันลูกค้าจะต้องชำระเต็มจำนวนภายใน 30 วันตามเงื่อนไข
ปัจจัยในการกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อ
การกำหนด Credit Term ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
1. อุตสาหกรรมและประเภทของธุรกิจ
ในบางอุตสาหกรรม อาจมี Credit Term ที่เป็นมาตรฐาน เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างอาจให้สินเชื่อระยะยาวมากกว่าธุรกิจค้าปลีก
2. ความสัมพันธ์กับลูกค้า
สำหรับลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี ผู้ขายอาจยินดีให้ Credit Term ที่ยาวขึ้น ในขณะที่ลูกค้าใหม่หรือมีประวัติไม่แน่นอนอาจได้รับ Credit Term ที่สั้นกว่า
3. สภาพคล่องของผู้ขาย
หากผู้ขายมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี การให้ Credit Term ยาวขึ้นอาจไม่ส่งผลกระทบมาก แต่หากผู้ขายมีข้อจำกัดทางการเงิน การให้สินเชื่อระยะสั้นหรือไม่มีสินเชื่ออาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ข้อดีและข้อเสียของระยะเวลาการให้สินเชื่อ
ข้อดีของการให้Credit Term
1. เพิ่มยอดขาย
การให้สินเชื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้โดยไม่ต้องชำระเงินทันที ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้นและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
2. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
การให้สินเชื่อในระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจให้ความยืดหยุ่นและพร้อมสนับสนุนความต้องการของพวกเขา
ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับความไว้วางใจ และเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ
3. เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
เมื่อมีการให้สินเชื่อทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสในการขาย และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดทางการเงิน และขยายตลาดได้กว้างขึ้น ทำให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด
ข้อเสียของการให้Credit Term
1. ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงิน
เพิ่มความเสี่ยงหากลูกค้าไม่สามารถชำระเงินตามกำหนด ธุรกิจอาจประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถบริหารจัดการหนี้สินได้ดีและส่งผลการเกิดหนี้เสียและสูญเสียรายได้
2. ต้นทุนของโอกาส
หากลูกค้าชำระเงินล่าช้าหรือไม่ชำระเงินเลย ธุรกิจอาจประสบปัญหาด้านการเงินจะไม่สามารถนำไปลงทุนหรือหมุนเวียนได้
ทำให้ธุรกิจเสียโอกาสในการใช้เงินเพื่อเพิ่มผลกำไรในช่วงเวลานั้น และการติดตามชำระหนี้อาจต้องเสียทรัพยากรและเวลา
