ปรับมุมคิด......สู่การเป็น "นักบัญชียุคดิจิทัล"

ปรับมุมคิด......สู่การเป็น "นักบัญชียุคดิจิทัล"

โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อผู้คนอย่างเห็นได้ชัดที่สุดอย่างหนึ่งก็คือความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีซึ่งนำพาโลกของเราเข้าสู่ “ยุคดิจิทัล” และพลิกโฉมหลายสิ่งในธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น...จากเดิมที่ธุรกิจที่มั่นคงมั่งคั่งมักมีขนาดใหญ่โต มีบุคลากรจำนวนมาก มีเครื่องจักรและโรงงานขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันบริษัทชั้นนำหลายแห่งกลับประกอบด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนหยิบมือที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานจนสามารถสร้างรายได้มหาศาล ...จากการต้องตระเวนหาตลาดพร้อมหาวิธีประชาสัมพันธ์สินค้าซึ่งต้องใช้เงินไม่น้อย ผู้ประกอบการยุคใหม่หันมาเลือกใช้วิธีการขายสินค้าแบบออนไลน์ที่ต้นทุนต่ำกว่ามาก และหลายรายก็เป็นเศรษฐีจากช่องทางนี้ ...จากที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนลงแรงเพื่อที่จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จะนำมาให้บริการ เช่น หากต้องการทำธุรกิจที่พัก คุณก็ต้องสร้างที่พักของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า แต่ทุกวันนี้ เว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการจองที่พัก กลับสามารถทำเงินจากที่พักของผู้อื่นได้ โดยที่ทางเว็บไซต์ไม่มีห้องพักของตัวเองแม้แต่ห้องเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจและวิถีการทำงาน ซึ่งแน่นอนว่า “นักบัญชี” ทุกท่านที่เป็นคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางกระแสโลก คงหนีไม่พ้นคลื่นความเปลี่ยนแปลงและต้องปรับตัวให้พร้อมรับยุคดิจิทัลนี้ด้วย ซึ่งจะมีประเด็นใดบ้างที่นักบัญชีควรให้ความสำคัญ เราไปติดตามกันเลยครับ

ปรับบทบาทสู่การเป็นคู่คิดให้ซีอีโอ

เศรษฐกิจในยุคดิจิทัลที่มีวิธีการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้โครงสร้างองค์กรและการบริหารงานธุรกิจหลายด้านมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย รวมทั้งธุรกิจยุคใหม่ต้องเผชิญความผันผวนตลอดเวลาจากการแข่งขันที่รุนแรงรวดเร็ว นักบัญชียุคดิจิทัลจึงต้องปรับเปลี่ยนบทบาท จากที่มองว่าตนเองมีหน้าที่บันทึกข้อมูลการเงินและจัดทำรายงานทางการเงินเสนอผู้บริหาร หรือมองว่าเรื่องการเดินหน้าธุรกิจเป็นเรื่องของฝ่ายขายหรือฝ่ายการตลาดเป็นหลัก แต่นักบัญชียุคดิจิทัลจะต้องปรับความคิดและสร้างบทบาทในฐานะคู่คิดของซีอีโอให้เกิดขึ้น โดยต้องสร้างความสัมพันธ์กับฝ่ายอื่นๆ ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบุคคล ฯลฯ เพื่อนำข้อมูลของทุกฝ่ายมาวิเคราะห์และคาดการณ์อนาคตและจัดทำเป็นรายงานให้ผู้บริหารใช้ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานของนักบัญชีจะต้องไม่จำกัดอยู่แค่รายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา แต่ต้องวิเคราะห์เพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจหรือการสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรให้กับผู้บริหารได้ด้วย

ก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง ทุกวันนี้พนักงานในองค์กรและลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ทรอนิกส์ที่หลากหลาย โดยที่มีต้นทุนต่ำลงมากเนื่องจากองค์กรไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาติดตั้งเหมือนสมัยก่อน แต่ทำทุกอย่างบนระบบ Cloud computing ได้เลย ซึ่งรวมถึงนักบัญชีด้วย ที่ในอนาคตโปรแกรมด้านบัญชี ข้อมูลการเงิน รวมถึงโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปอยู่ในระบบ Cloud มากขึ้น รวมถึงมีการพัฒนาโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นด้านบัญชีออกมาให้เลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ การติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐที่ล้วนปรับไปสู่การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักบัญชียุคดิจิทัลจึงต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้ทันเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปได้อย่างเต็มที่

ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ในโลกการเงิน
นักบัญชียุคดิจิทัลควรติดตามข่าวสารใหม่ๆ ในโลกการเงินอยู่เสมอ เช่น หากเอ่ยถึงชื่อ Bitcoin, Ethereum, Ripple, Litecoin, Dash, NEM, Monero, Bytecoin, Stellar, Lumens ท่านผู้อ่านจะนึกถึงอะไร? ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ชื่อตัวละครในนิยายเรื่องใด แต่คือชื่อของ “สกุลเงินดิจิทัล” ที่มีการใช้งานอยู่จริงบนโลกนี้ และขอบอกเลยว่า ที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นเพียงส่วนน้อยมากๆ เพราะล่าสุดมีมากถึง 810 สกุลเงิน (ข้อมูลจาก https://coinmarketcap.com/) แม้ว่าการใช้เงินดิจิทัลจะยังไม่ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ แต่ทว่าประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียต่างก็ให้ความสนใจและกำลังเดินหน้าพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง อีกทั้งมีผู้คนและองค์กรธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับการใช้เงินดิจิทัลเหล่านี้เช่นเดียวกัน เรื่องราวข่าวสารเช่นนี้จึงนับเป็นเรื่องที่นักบัญชีควรติดตาม เพราะวันหนึ่งในอนาคตมันอาจเป็นสิ่งที่เข้ามาสร้างโอกาสและสีสันทางธุรกิจ หรือเข้ามาเป็นอุปสรรคทำให้นักบัญชีต้องปวดหัวมากขึ้นก็เป็นได้

บทความโดย : http://www.jobdst.com

 942
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์