มนุษย์เงินเดือนลงทุน อะไรดี

มนุษย์เงินเดือนลงทุน อะไรดี

มนุษย์เงินเดือนลงทุน อะไรดี

        หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเหลือเก็บ แต่ไม่รู้จะลงทุนอะไรบทความนี้จะแนะนำผลิตภัณฑ์ทางเงินที่มีให้เลือกลงทุนกันในประเทศไทยว่าแต่ล่ะอย่างมีผลตอบแทนและมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสมกับมนุษย์เงินเดือน ดังนี้

    1. ฝากประจำ

         เป็นการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง เพราะว่ามีความเสียงต่ำหรือไม่มีความเสี่ยง ซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 1% – 2%
หากลงทุนในฝากประจำเดือนล่ะ 5,000 บาท ได้รับอัตราดอกเบี้ย 1.5 % ต่อปี เป็นเวลา 15 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 1,008,000 บาท โดยจะแบ่งออกเป็นกำไร 108,000 บาท เงินทุน 900,000 บาท

    2. กองทุนรวม กองทุนรวมเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับการเก็บเงิน เพราะมีอัตราผลตอบแทนมากพอที่จะทดแทนกับอัตราเงินเฟ้อได้ ผลตอบแทนของกองทุนรวมประมาณ 4% - 12% ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนรวมด้วย เพราะกองทุนรวมแต่ล่ะประเภทจะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป เช่น กองทุนรวมตราสารทุน เป็นของทุนรวมที่จะนำเงินไปลงทุนให้ตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงแต่ก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งต่างจาก กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่จะลงทุนใน ตราสารนี้ และ พันธบัตรรัฐบาล เป็นหลัก ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนก็จะน้อยเช่นกัน

         หากคุณลงทุนในกองทุนรวมเดือนล่ะ 5,000 บาทได้อัตราผลตอบแทน 8%  ต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 1,730,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นกำไร 830,000 บาท เงินทุน 900,000 บาท
 
    3.ลงทุนในตลาดหุ้น
         การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับมนุษย์เงินเดือน และกำลังได้รับความนิยม แต่การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นจะต้องศึกษาข้อมูลเป็นจำนวนมากเช่น การอ่านงบการเงินซึ่งสำคัญมากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะหากศึกษาไม่ดีก็จะทำให้คุณขาดทุนได้ง่าย ซึ่งต่างจากกองทุนรวมที่จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหารจัดการให้ อัตราผลตอบแทนมักจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ลงทุนเอง ซึ่งอัตราผลตอบแทนในตลาดหุ้นจะอยู่ที่ 5 % - 17% ขึ้นอยู่กับหุ้นที่คุณซื้อ เช่น หากคุณซื้อหุ้น tvo ซึ่งเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลต่อเนื่องอยู่ที่ 5% - 9%  ซึ่งยังไม่รวมผลการเจริญเติบโตของกิจการ
         หากคุณลงทุนในหุ้นเดือนล่ะ 5,000 บาทซื้อถัวเฉลี่ยเรื่อยๆ ได้อัตราผลตอบแทน 10 %  ต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 2,070,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นกำไร 1,170,000 บาท เงินทุน 900,000 บาท
 
    4.พันธบัตร ตราสารหนี้

         เป็นการลงทุนโดยการปล่อยกู้ให้รัฐบาลหรือบริษัทเอกชน โดยผ่านการซื้อขายตราสารหนี้หรือพันธบัตรที่นำออกมาจำหน่าย การลงทุนประเภทนี้จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำพอๆกับการฝากประจำ จะมีอัตราผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 3% – 5% ขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้เช่น หากเป็นตราสารหนี้ที่นำออกมาจำหน่ายโดยภาครัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนต่ำเพราะว่า รัฐบาลถือว่าเป็นองค์กรที่มีความมั่นคงสูงซึ่งจะไม่มีโอกาสเบี้ยวชำระหนี้ ต่างจากตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนซึ่งมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ จึงทำให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล
         หากคุณลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ เดือนล่ะ 5,000 บาท ได้อัตราผลตอบแทน 4 %  ต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 1,230,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นกำไร 330,000 บาท เงินทุน 900,000 บาท
 
     5. ผลิตภันฑ์ทางการเงินอื่นๆ

         สำหรับข้อ 5 จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูงมาก เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทายและอยากได้อัตราผลตอบแทนที่สูง และพร้อมที่จะเสี่ยง มีดังนี้ Future,Option ซึ่งจะมีการซื้อขายกันในตลาดอนุพันธ์ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่เรียกว่าการลงทุนแต่จะเป็นการเก็งกำไรมากกว่า
 
         ผู้ลงทุนควรเลือกลงทุนในสินทรัพพ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง หากคุณเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้น้อยและไม่มีเวลาศึกษาการลงทุนเองควรเลือกที่จะลงทุนด้วยการฝากประจำ แต่ถ้าหากรับความเสี่ยงได้มากหน่อยและต้องการผลตอบแทนที่สูงแต่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลก็น่าจะเหมาะกับการลงทุนในกองทุนรวม เป็นต้น

     

        บทความโดย : doithai.com

 3236
Visitor
Get started for free today. Free Trial
Create a website for free Online Stores