ในปี 2562 เชื่อว่าหลายคนคงตั้งเป้าว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น ต้องมีเงินเก็บมากขึ้น ในปี 2561 อะไรที่ผิดพลาดก็จะเรียนรู้เอามาเป็นบทเรียน ความรู้สึกฮึดสู้แบบนี้ก็เหมือนไฟไหม้ฟางที่จะมาตอนต้นๆปี พอผ่านไปสักพักจิตใจที่ฮึกเฮิมก็จะเริ่มน้อยลงสุดท้ายกลายเป็นใช้ชีวิตสะเปะสะปะ เอาไว้มาฮึดอีกทีก็ตอนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นแหละ
ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกประหลากเพราะ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าสิ่งที่ทำให้คนเราวิ่งไปไม่สุดทางจากที่ฝันก็เพราะตัวแปรเรื่องรายได้ที่ชักหน้าไม่ถึงหลังต่อให้วางแผนสวยหรูแค่ไหน สุดท้ายปัญหารายจ่ายมากกว่ารายรับมันก็ยังหลอกหลอนเราอยู่ดี ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาดูทางออกว่าหากเราเป็นผู้มีรายได้น้อยจะพอมีวิธีลงทุนอย่างไรให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นได้บ้าง
ก่อนอื่นเลยเรามาแยกให้เข้าใจระหว่าง “ลงทุน” กับ “ทำธุรกิจ” การลงทุนคือการเอาเงินที่มีไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันเราอาจมีธุรกิจอื่น หรือทำงานประจำร่วมด้วย การลงทุนเป็นการทำให้เงินงอกเงยมากกว่าที่จะฝากธนาคารกินดอกเบี้ยประจำปีซึ่งหากเงินฝากไม่เยอะแยะคิดกันง่ายๆว่าถ้าเรามีเงินฝาก 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.25% ต่อปี ใน 1 ปีเราจะมีดอกเบี้ย 22,500 บาท เอามาหาร 12 เฉลี่ยต่อเดือนเรามีเงินงอก 1,875 บาทเท่านั้นเอง
ทีนี้ถ้าคิดจะลงทุนให้เงินที่มีเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเดิม ก็ต้องมาตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าชอบ หรือสนใจการลงทุนประเภทไหน? , มีประสบการณ์ลงทุนธุรกิจหรือไม่? , มีเงินลงทุนมากน้อยเพียงใด? , ต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่? และหากขาดทุน จะยอมรับได้ในวงเงินไม่เกินเท่าไหร่? เราต้องมีคำตอบให้ตัวเองในเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะเริ่มลงทุนต่อไปได้
ทีนี้ก็ลองมาดูว่าเงินน้อยๆ ที่เรามีจะเหมาะกับการลงทุนเอาเงินไปต่อยอดอย่างไรบ้าง
1.ไม่ต้องลงทุนแต่เปลี่ยนทิศทางการใช้เงิน
ภาพจาก goo.gl/VwHC6p
หากคิดจะลงทุนโดยที่มีเงินน้อยๆ ไม่ว่าจะเลือกลงหุ้น พันธบัตร LMF RMF ยังไงก็ไม่คุ้มยิ่งมาลงทุนตอนอายุมากๆ ยิ่งไม่คุ้มหากจะลงทุนจริงๆ ก็ต้องมีระยะเวลา ทางที่ดีสำหรับคนมีเงินน้อย ไม่ต้องไปลงทุนอะไร แต่เปลี่ยนทิศทางการใช้เงินตัวเอง ใช้วิธี “เก็บเงินที่เหลือจากรายได้” ไม่ต้องมากแค่ 10% จากรายได้ เพราะเราต้องคำนวณตัวแปรระหว่างทางพวกค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เรื่องนี้อยู่ที่วินัยและต้องใจแข็งสุดๆ
ภาพจาก goo.gl/7v3n64
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือเก็บเงินตามจำนวนวัน ใน 1 ปีมี 365 วัน เราก็เก็บเงินตามจำนวนวันไปเลย วันที่ 1 เก็บ 1 บาท วันที่ 2 เก็บ 2 บาท เรื่อยไปจนถึงวันที่ 365 ก็เก็บ 365 บาท วิธีนี้คำนวณแล้วถ้าทำได้จริง สิ้นปีมีเงินเก็บถึง 66,795 บาท
2.ซื้อแฟรนไชส์ราคาย่อมเยาว์
ใครจะเชื่อว่าการซื้อแฟรนไชส์ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ต่อยอดเงินของเราให้เพิ่มมากขึ้นได้ ข้อดีของแฟรนไชส์คือมีระบบการบริหารจัดการให้เราต่อยอดได้ทันที วัตถุดิบต่างๆ ก็พร้อมจัดส่งให้ ปัจจุบันแต่ละแฟรนไชส์ต่างก็แข่งขันพัฒนาคุณภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนที่สามารถเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีราคาตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่น ยิ่งถ้าเรามีทำเล มีคนในครอบครัวช่วยดูแลแฟรนไชส์ โอกาสประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากตามไปด้วย
3.ลงทุนกับทองคำ
ภาพจาก goo.gl/Mqsa8G
มีเงินเขานับว่าน้องมีทองเขานับว่าพี่ ไม่มีเงินมีทองพี่น้องก็ไม่มี สำหรับใครที่มีเงินวางไว้นิ่งๆ อาจจะลองมาลงทุนกับทองคำซึ่งรูปแบบลงทุนก็มี3 รูปแบบคือ
4.ขายสินค้ามือสองตามตลาดนัด
ถ้าเรามีเงินทุนสำหรับเริ่มต้นไม่เกิน 10,000 บาท จะให้ไปลงทุนหนักๆ คงได้ไม่คุ้มเสีย “สินค้ามือสอง” คือทางเลือกที่ดีที่สุด และจะประหยัดต้นทุนได้มากหากว่าสินค้านั้นเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ที่เรามีอยู่ หรือจะไปรวบรวมมาจากญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เขาไม่ได้ใช้ เอามาวางขายแบบง่ายๆ ตามตลาดนัด แน่นอนว่านี่คือการลงทุนที่ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และรายได้ที่เข้ามาก็อาจไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่หากเราเริ่มต้นทำไปเรื่อยๆ อาจพบช่องทางที่ดียิ่งขึ้นนำไปสู่กำไรที่มากขึ้นในอนาคตได้ด้วย
5.เปลี่ยนความสามารถตัวเองให้เป็นรายได้
ภาพจาก pixabay.com
ถ้าเราไม่มีต้นทุนเรื่องเงิน แต่เรามีต้นทุนด้านความสามารถ ก็ใช้จุดแข็งนี้ให้เป็นประโยชน์ได้ เช่นถ้าเรามีความสามารถด้านภาษาอาจจะเปิดสอนพิเศษให้กับคนที่สนใจ หรือถ้ามีความสามารถด้านศิลปะ ก็อาจจะวาดภาพขาย ทั้งภาพวิว ภาพเหมือน และในยุคนี้ใครที่มีความสามารถด้านการเขียนโปรแกรม หรือกราฟฟิค ก็สามารถรับงานพิเศษมาทำ สร้างเป็นรายได้เสริมให้กับตัวเอง ซึ่งก็มีคนมากมายที่เขาประสบความสำเร็จจากการขายความสามารถตัวเอง บางทีรายได้ดีกว่าการทำงานประจำด้วยซ้ำไป
6.ขายของออนไลน์
ภาพจาก pixabay.com
แม้จะมีคู่แข่งมาก แต่การขายของออนไลน์ก็ยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะใช้ต้นทุนน้อยมาก ถึงขนาดที่บางทีไม่ต้องใช้เลยก็มี โดยเฉพาะตัวแทนขายแบบไม่ต้องลงสินค้า (Drop ship) เพียงไปติดต่อร้านค้าเพื่อนำภาพสินค้ามาโชว์ทางโซเชี่ยลของเรา และเมื่อมีคำสั่งซื้อก็ออร์เดอร์ไปทางร้านให้เป็นผู้จัดส่งสินค้าในนามของเรา รายได้ก็คือค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนต่างตามที่ตกลงกัน ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์มากมายที่ช่วยทำให้เรื่องเหล่านี้ง่ายมากขึ้น
7.ลงทุนอบรมเป็นนายหน้า
ภาพจาก pixabay.com
ซื้อมาขายไปเป็นการทำกำไรที่ดี แต่การจะเป็นนายหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย ทักษะการต่อรอง การทำเอกสารซื้อขายต่างๆ การเข้าอบรมคอร์สเป็นนายหน้านอกจากจะได้ความรู้เหล่านี้ยังมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนในแวดวงนายหน้าก่อให้เกิดคอนเนคชั่นที่เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งอาชีพนายหน้าถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีโดยค่าตอบแทนเป็นคอมมิชชั่นเฉลี่ยร้อยละ 3 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อขาย หากมุ่งมั่นจริงจังอาชีพนี้ทำให้เรารวยได้แน่นอน
8.Youtuber
ภาพจาก pixabay.com
การเป็น Youtuber ในช่วงหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่ง่ายใครๆก็ทำได้ โดยเฉพาะในยุคแรกๆ เราสามารถสร้างรายได้จากการเป็น Youtuber ได้เป็นกอบเป็นกำแต่ในระยะหลังที่ Youtube เองก็ต้องการรักษาคุณภาพคอนเทนต์ให้คนติดตาม จึงทำให้เกิดข้อกำหนดและกฏเกณฑ์ใหม่ๆ ที่ดูแล้วทำให้เกิด Youtuber รายใหม่ได้ยาก แต่ถึงอย่างไรหากเรารักและสนใจในการหารายได้จาก Youtube อย่างแท้จริงก็เชื่อว่าไม่น่าจะเกินความสามารถ หากเนื้อหาของเราที่นำเสนอใน Youtube นั้นเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดรายได้ก็จะค่อยๆตามมาเช่นกัน
9.ถ่ายภาพขายในเว็บไซต์
ภาพจาก www.istockphoto.com/th
เป็นการลงทุนของคนที่มีฝีมือด้านการถ่ายภาพ เราอาจลงทุนเรื่องอุปกรณ์บ้าง และก็ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพสวยๆเอามาฝากขายตามเว็บไซต์ ซึ่งก็มีหลายเว็บที่เป็นสื่อกลางในการซื้อขายเช่น shutterstock , iStockphoto , Fotolia , 123RF เป็นต้น
สิ่งสำคัญคือเราต้องศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพ เทรนด์ของรูปภาพที่ลูกค้าต้องการ ส่วนใหญ่มักจะต้องส่งภาพเข้าไปขายทีละหลายๆ ภาพเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสเลือก บางคนที่ชำนาญแล้วมีรายได้จากอาชีพนี้ได้อย่างดีทีเดียว
10.ทำแบรนด์สินค้าตัวเอง
ปัจจุบันมีธุรกิจแบบ OEM ที่รับผลิตสินค้าตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะพวกครีม และเครื่องสำอางต่างๆ แต่ถ้าเราไม่ถนัดแนวเครื่องสำอาง แต่สนใจเรื่องเครื่องดื่มเดี๋ยวนี้เขาก็มีรับผลิตสินค้าน้ำผลไม้ในแบรนด์ของเราได้ โดยการลงทุนเบื้องต้นอาจใช้งบประมาณ 5,000-10,000 บาท สำหรับการได้สินค้าล็อตแรก ปัญหาคือเราต้องมีตลาดมารองรับสินค้าเหล่านี้ อาจจะฝากขายตามร้าน หรือขายเองตามตลาดนัด ถ้าเรามีการวางแผนการตลาดที่ดีไม่แน่ว่าเราอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตและสินค้าของเราอาจขายดียิ่งขึ้นในอนาคตก็ได้
จะเห็นได้ว่าการลงทุนที่แนะนำส่วนใหญ่มักใช้พื้นฐานของความสามารถตัวเองบ้าง หยิบจับเอาเรื่องใกล้ตัวมาทำธุรกิจบ้าง หลายคนถามว่าทำไมไม่แนะนำเรื่องการเล่นหุ้น หรือลงทุนในคอนโด อพาร์ทเม้น ด้วยเรามองว่าสิ่งที่เรานำเสนอมีความเสี่ยงน้อยหรือหากพลาดพลั้งเจ็บตัวก็ยังเสียเงินไม่มาก แต่หากกิจการดีเติบโตมั่นคงจากธุรกิจลงทุนไม่มากอาจกลายเป็นธุรกิจใหญ่ที่สร้างรายได้อย่างดีให้เราได้ด้วย
http://www.thaifranchisecenter.com/document/show.php?docuID=4163