1. บริษัทเอกชนจำกัด
บริษัทเอกชนจำกัด ( Private Company Limited ) หมายถึง บริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1096 ซึ่งบัญญัติว่า “อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น ซึ่งมีมูลค่าเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ” มาตรา 1097 บัญญัติว่า “บุคคลใด ๆ ตั้งแต่ 7 คนขึ้นไปจะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ ด้วยการเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิและกระทำการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
2. บริษัทมหาชนจำกัด
บริษัทมหาชนจำกัด (Public Company Limited ) หมายถึงบริษัทมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ซึ่งมาตรา 15 บัญญัติว่า “บุคคลธรรมดาตั้งแต่สิบห้าคนขึ้นไป จะเริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดได้โดยจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ และปฏิบัติการอย่างอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ที่ดำเนินการขายและซื้อหุ้นของบริษัทจำกัด (มหาชน) คือ ตลาดหลักทรัพย์โดยในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Public Limited Company แล้วย่อได้เป็น Plc หรือ PLC (Public Limited Company)
เพื่อแสดงว่าเป็นบริษัทจำกัด ประเภทมหาชน แตกต่างไปจากบริษัทประเภทprivate หรืออาจย่อว่า Pcl หรือ PCL (Public Company Limited)
จากความหมาย ลักษณะ การจัดตั้ง ของบริษัทจำกัดทั้ง 2 ประเภท สามารถนำมาเปรียบเทียบเป็นสาระสำคัญ ได้ดังนี้
รายการ |
บริษัทเอกชนจำกัด (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) |
บริษัทมหาชนจำกัด (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) |
1. ชื่อของบริษัท |
ต้องมีคำว่า”บริษัท”นำหน้าชื่อและมีคำว่า”จำกัด”ต่อท้ายชื่อ(มาตรา 1098) |
ต้องมีคำว่า”บริษัท”นำหน้าชื่อและมีคำว่า”จำกัด(มหาชน)”ต่อท้ายชื่อ(มาตรา 11) |
2. จำนวนผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท และจำนวนผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ |
ผู้เริ่มก่อการต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 7 คน(มาตรา 1097)และผู้เริ่มก่อการทุกคน ต้องลงชื่อซื้อหุ้นอย่างน้อยคนละ 1 หุ้น(มาตรา 1100) ดังนั้นผู้ถือหุ้นในบริษัทต้องมีไม่น้อยกว่า 7 คน |
ผู้เริ่มจัดตั้งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน(มาตรา 16) และผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนต้องจองหุ้นและหุ้นที่จองทั้งหมดนั้น ต้องเป็นหุ้นที่ชำระค่าหุ้นเป็นตัวเงินรวมกันไม่น้อยกว่า 5 % ของทุนจดทะเบียน(มาตรา 17) ดังนั้นผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนต้องมีไม่น้อยกว่า 15 คน |
3. การเสนอขายหุ้น |
ห้ามชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นของบริษัท(มาตรา 1102) |
เสนอขายหุ้นต่อประชาชนได้โดยได้ระบุความประสงค์นี้ไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ(มาตรา 15) อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ให้เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(มาตรา 24) |
4. มูลค่าหุ้น |
หุ้นของบริษัทต้องมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน แต่ต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท (มาตรา 1117) |
เหมือนกับบริษัทเอกชนจำกัด(มาตรา 50) |
5. การขายหุ้น |
บริษัทอาจขายหุ้นในราคาตามมูลค่าหรือสูงกว่ามูลค่าได้ หากได้มีการกำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่จะขายหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าไม่ได้ ในกรณีที่ขายหุ้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นทั้งหมดต้องส่งใช้พร้อมกับการส่งใช้เงินค่าหุ้นงวดแรก ซึ่งเงินส่งใช้ค่าหุ้นงวดแรกต้องไม่น้อยกว่า 25 % ของมูลค่าหุ้น(มาตรา 1105) |
บริษัทอาจเสนอขายหุ้นในราคาตามมูลค่า สูงกว่ามูลค่า หรือต่ำกว่ามูลค่าได้ ในกรณีที่เสนอขายหุ้นในราคาสูงกว่ามูลค่า ส่วนเกินมูลค่าหุ้นกำหนดต้องส่งใช้พร้อมกับเงินค่าหุ้น(มาตรา 51) ส่วนการเสนอขายหุ้นต่ำกว่ามูลค่าจะกระทำได้เฉพาะบริษัทที่เปิดดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และปรากฏว่ามีผลขาดทุน แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นและให้กำหนดอัตราส่วนลดระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย(มาตรา 52) |
6. หุ้นที่จดทะเบียนและหุ้นที่ ออกจำหน่าย |
จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายจะต้องเท่ากับจำนวนหุ้นที่จดทะเบียน กล่าวคือจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือบริคณห์สนธิจะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อจนครบหมดทุกหุ้นและเมื่อได้รับชำระค่าหุ้นจากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนอย่างน้อย 25 %ของมูลค่าหุ้นที่ซื้อพร้อมทั้งส่วนเกินมูลค่าหุ้นทั้งหมด(ถ้ามี) จึงจะไปดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้(มาตรา 1104 มาตรา 1110 และมาตรา 1111) |
จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายอาจน้อยกว่าจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนได้ คือ บริษัทสามารถขายหุ้นที่ได้จดทะเบียนไว้เพียงบางส่วนก็ได้ แต่ต้องมีผู้จองซื้อหุ้นไม่น้อยกว่า 50 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่กำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิและผู้จองหุ้นจะต้องชำระค่าหุ้นเป็นเงินครั้งเดียวจนเต็มมูลค่าพร้อมส่วนเกินมูลค่า(ถ้ามี) จะชำระค่าหุ้นเพียงบางส่วนไม่ได้ และจะขอหักกลบลบกับค่าหุ้นที่ต้องชำระไม่ได้ เมื่อได้รับชำระค่าหุ้นเรียบร้อยแล้ว จึงจะไปดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมหาชน จำกัด (มาตรา 27 มาตรา 39 และมาตรา 54) |
บทความโดย :
จากความหมาย ลักษณะ การจัดตั้ง ของบริษัทจำกัดทั้ง 2 ประเภท สามารถนำมาเปรียบเทียบเป็นสาระสำคัญ ได้ดังนี้
รายการ |
บริษัทเอกชนจำกัด (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) |
บริษัทมหาชนจำกัด (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) |
1. ชื่อของบริษัท |
ต้องมีคำว่า”บริษัท”นำหน้าชื่อและมีคำว่า”จำกัด”ต่อท้ายชื่อ(มาตรา 1098) |
ต้องมีคำว่า”บริษัท”นำหน้าชื่อและมีคำว่า”จำกัด(มหาชน)”ต่อท้ายชื่อ(มาตรา 11) |
2. จำนวนผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท และจำนวนผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ |
ผู้เริ่มก่อการต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 7 คน(มาตรา 1097)และผู้เริ่มก่อการทุกคน ต้องลงชื่อซื้อหุ้นอย่างน้อยคนละ 1 หุ้น(มาตรา 1100) ดังนั้นผู้ถือหุ้นในบริษัทต้องมีไม่น้อยกว่า 7 คน |
ผู้เริ่มจัดตั้งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน(มาตรา 16) และผู้เริ่มจัดตั้งบริษัททุกคนต้องจองหุ้นและหุ้นที่จองทั้งหมดนั้น ต้องเป็นหุ้นที่ชำระค่าหุ้นเป็นตัวเงินรวมกันไม่น้อยกว่า 5 % ของทุนจดทะเบียน(มาตรา 17) ดังนั้นผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนต้องมีไม่น้อยกว่า 15 คน |
3. การเสนอขายหุ้น |
ห้ามชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นของบริษัท(มาตรา 1102) |
เสนอขายหุ้นต่อประชาชนได้โดยได้ระบุความประสงค์นี้ไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ(มาตรา 15) อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ให้เป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(มาตรา 24) |
4. มูลค่าหุ้น |
หุ้นของบริษัทต้องมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน แต่ต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท (มาตรา 1117) |
เหมือนกับบริษัทเอกชนจำกัด(มาตรา 50) |
5. การขายหุ้น |
บริษัทอาจขายหุ้นในราคาตามมูลค่าหรือสูงกว่ามูลค่าได้ หากได้มีการกำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่จะขายหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าไม่ได้ ในกรณีที่ขายหุ้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นทั้งหมดต้องส่งใช้พร้อมกับการส่งใช้เงินค่าหุ้นงวดแรก ซึ่งเงินส่งใช้ค่าหุ้นงวดแรกต้องไม่น้อยกว่า 25 % ของมูลค่าหุ้น(มาตรา 1105) |
บริษัทอาจเสนอขายหุ้นในราคาตามมูลค่า สูงกว่ามูลค่า หรือต่ำกว่ามูลค่าได้ ในกรณีที่เสนอขายหุ้นในราคาสูงกว่ามูลค่า ส่วนเกินมูลค่าหุ้นกำหนดต้องส่งใช้พร้อมกับเงินค่าหุ้น(มาตรา 51) ส่วนการเสนอขายหุ้นต่ำกว่ามูลค่าจะกระทำได้เฉพาะบริษัทที่เปิดดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และปรากฏว่ามีผลขาดทุน แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นและให้กำหนดอัตราส่วนลดระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย(มาตรา 52) |
6. หุ้นที่จดทะเบียนและหุ้นที่ ออกจำหน่าย |
จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายจะต้องเท่ากับจำนวนหุ้นที่จดทะเบียน กล่าวคือจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือบริคณห์สนธิจะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อจนครบหมดทุกหุ้นและเมื่อได้รับชำระค่าหุ้นจากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนอย่างน้อย 25 %ของมูลค่าหุ้นที่ซื้อพร้อมทั้งส่วนเกินมูลค่าหุ้นทั้งหมด(ถ้ามี) จึงจะไปดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้(มาตรา 1104 มาตรา 1110 และมาตรา 1111) |
จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายอาจน้อยกว่าจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนได้ คือ บริษัทสามารถขายหุ้นที่ได้จดทะเบียนไว้เพียงบางส่วนก็ได้ แต่ต้องมีผู้จองซื้อหุ้นไม่น้อยกว่า 50 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่กำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิและผู้จองหุ้นจะต้องชำระค่าหุ้นเป็นเงินครั้งเดียวจนเต็มมูลค่าพร้อมส่วนเกินมูลค่า(ถ้ามี) จะชำระค่าหุ้นเพียงบางส่วนไม่ได้ และจะขอหักกลบลบกับค่าหุ้นที่ต้องชำระไม่ได้ เมื่อได้รับชำระค่าหุ้นเรียบร้อยแล้ว จึงจะไปดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมหาชน จำกัด (มาตรา 27 มาตรา 39 และมาตรา 54) |
บทความโดย : https://sites.google.com/