รายการบทความที่ค้นหา

การเคอร์ฟิวประเทศส่งผลกระทบต่อทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงประชาชนทั่วไปด้วย และในส่วนของผลกระทบดังกล่าวมีทั้งข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดทำมาตรการเพื่อช่วยเหลือทั้งภาคประชาชน ผู้ประกอบการ SMEs ระบบการเงิน และสถาบันการเงิน ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมไปถึงการดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้เอกชน เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด 19 โดยมีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการประกันสังคม มีมติเห็นชอบประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 2563 ในการนี้ร่างประกาศฯ ดังกล่าวได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2563 โดยสำนักงานฯ จะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน หรือสถานพยาบาลในหลักเกณฑ์ ดังนี้

ในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ หรือ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยทุกคน ต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุด ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงแนะนำ วิธีทำความสะอาดแบงก์ เพื่อลดการปนเปื้อนเชื้อไวรัสผ่านแบงก์ ดังนี้

กรมสรรพากร ขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีประเภทต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เพื่อเยียวยาในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว

มาตรการเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น. ห้ามออกนอกเคหสถาน จาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 2 มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ประชาชนต้องทำตาม

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในวงกว้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพของผู้กู้ยืม กองทุนได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างชำระหนี้ ดังนี้